"โรคมะเร็ง" สามารถ "ป้องกันได้" จริงหรือไม่?
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น "วันมะเร็งโลก" เป็นอีกโรคหนึ่งที่มีความซับซ้อนในแง่การรักษา และผลกระทบที่เกิดจากการป่วย ทำให้เกิดข้อสงสัยกันมากว่า "โรคมะเร็ง" สามารถป้องกันได้จริงหรือ? แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรแพทย์โรคมะเร็ง โรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก จะมาตอบข้อสงสัยนี้ให้ได้ทราบกัน
เนื่องในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น “วันมะเร็งโลก” มะเร็งถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่ซับซ้อนในแง่การรักษา และผลกระทบที่เกิดจากการป่วยเป็นโรคมะเร็ง นอกจากจะเกิดกับตัวผู้ป่วยเอง ยังส่งผลต่อสมาชิกในครอบครัว และบุคคลรอบตัวของผู้ป่วยด้วย ส่วนประเด็นข้อสงสัยที่ว่าโรคมะเร็งสามารถที่จะป้องกันได้จริงหรือ? พญ. วีรนุช รัตนเดช แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรแพทย์โรคมะเร็ง โรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ตอบของข้อสงสัยว่า มะเร็งสามารถป้องกันทั้งได้และไม่ได้ กล่าวคือ “ได้” ในมะเร็งบางชนิดที่เราทราบปัจจัยเสี่ยงชัดเจน และ “ไม่ได้” ในมะเร็งบางชนิดที่เราไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
“โรคมะเร็ง” เกิดได้กับทุกอวัยวะและทุกเซลล์ของร่างกาย
เราอาจจะคุ้นชินกับ โรคมะเร็ง ที่อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย อย่างเช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม เราจึงคุ้นเคยกับโรคมะเร็งชนิดดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้ว โรคมะเร็งสามารถเกิดได้กับทุกอวัยวะและทุกเซลล์ของร่างกาย โดยยังมีมะเร็งอีกเป็นพันชนิดเลยก็ว่าได้ที่เราไม่เคยได้ยิน เนื่องจากเป็นมะเร็งที่ไม่ได้พบบ่อย
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง (Risk Factor) คืออะไร?
เนื่องจากในปัจจุบันเรายังไม่ได้ทราบสาเหตุที่แน่นอนของ “โรคมะเร็ง” บางชนิด เราทราบเพียงว่า ปัจจัยใดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง เราจึงมักใช้คำว่า “ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง” มากกว่าคำว่า “สาเหตุของมะเร็ง” เมื่อไหร่ก็ตามที่เรายังมีปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งชนิดนั้นๆ อยู่ เราก็มีโอกาสที่จะเกิดโรคมะเร็งชนิดนั้นๆ ได้มากกว่าผู้ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงโดยทั่วไป ของการเกิดโรคมะเร็งในปัจจุบันมีอะไรบ้าง?
- อายุที่มากขึ้น/ เชื้อชาติ
- ประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- สูบบุหรี่ และการได้รับควันบุหรี่มือสอง
- ติดเชื้อไวรัสบางชนิด
- รังสีอุลตร้าไวโอเลต (UV)
- ความอ้วน
เราสามารถลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้อย่างไรบ้าง?
การลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งแต่ละชนิด อาจแตกต่างกันออกไป โดยเราสามารถเริ่มต้นลดความเสี่ยงจากการป่วยเป็นโรคมะเร็ง โดยการปรับเปลี่ยน และระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้
- งด หรือ ลด การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องแอลกอฮอล์
- ทานอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด
- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เลี่ยงการอยู่ในที่แดดจัด
- หมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย และเข้ารับการตรวจคัดกรองตามอายุ และความเสี่ยง
การตรวจคัดกรองมะเร็ง (Cancer Screening)
การตรวจคัดกรองมะเร็ง (Cancer Screening) ถือเป็นการตรวจคัดกรองโรคในระยะที่ยังไม่แสดงอาการ โดยหากตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น จะสามารถทำการรักษาได้ผลมากขึ้น หรือมีโอกาสหายขาดมากขึ้น โดยเราควรตรวจคัดกรองมะเร็ง หากมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งมากกว่าบุคคลทั่วไป และเมื่ออายุถึงเกณฑ์ตรวจคัดกรอง โดยการตรวจคัดกรองตามอายุ อาจแบ่งออกได้ดังนี้ (ในกรณีที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงใดเป็นพิเศษ)
เพศชาย
- อายุ 45 ปี ขึ้นไป คัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
- อายุ 55 ปี ขึ้นไป คัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก
เพศหญิง
- อายุ 21 ปี ขึ้นไป (หรือมีประวัติมีเพศสัมพันธ์) คัดกรองมะเร็งปากมดลูก
- อายุ 40 ปี ขึ้นไป คัดกรองมะเร็งเต้านม
- อายุ 45 ปี ขึ้นไป คัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
ข้อมูลเกณฑ์ตรวจคัดกรองดังกล่าวข้างต้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นกับงานวิจัยปัจจุบัน
พญ. วีรนุช รัตนเดช แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรแพทย์โรคมะเร็ง โรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า หากมีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าจะเป็น มะเร็ง เช่น คลำเจอก้อนที่บริเวณใดก็ตามของร่างกาย ไอเรื้อรัง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ กลืนอาหารลำบาก ถ่ายเป็นเลือด หรือมีอาการผิดปกติอื่นที่สงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง ควรรีบเข้ารับคำปรึกษาและตรวจวินิจฉัยจากแพทย์โดยเร็วที่สุด