ศบค.ไม่ปรับระดับสีพื้นที่จังหวัด-คงมาตรการเดิมรับมือโควิด19

ศบค.ไม่ปรับระดับสีพื้นที่จังหวัด-คงมาตรการเดิมรับมือโควิด19

ศบค.คงระดับสีจังหวัดเหมือนเดิม คงมาตรการ ระบุอัตราครองเตียง 40% ยังมีศักยภาพรองรับผู้ป่วยหนักได้ ปรับลดค่าตรวจโควิด19 เห็นชอบ "แอร์ ทราเวิล บับเบิล"ไทย-อินเดีย

เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. แถลงภายหลังการประชุมศบค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า การครองเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก เวชภัณฑ์ยา ในประเทศมีเพียงพอรองรับต่อสถานการณ์การระบาดของโรค โดยสถานการณ์เตียงในการดูแลผู้ป่วยโควิด มีอัตราการครองเตียงภาพรวมอยู่ที่ 40% ส่วนเตียงระดับ3ที่เป็นการดูแลผู้ป่วยกหนัก อัตราครองเตียงอยู่ที่ 12% เพราะฉะนั้น ศักยภาพในการรับผู้ป่วยอาการหนักยังได้ ที่ประชุมจึงให้คงระดับสีพื้นที่จังหวัดไว้เแบบเดิม คือ พื้นที่สีส้ม ควบคุม 44 จังหวัด พื้นที่สีเหลือง เฝ้าระวังสูง 24จังหวัด และสีฟ้า นำร่องท่องเที่ยว 8 จังหวัด และ คงมาตรการป้องกัน ควบคุมโรค ในระดับปัจจุบัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการระบาดในวงกว้าง ในช่วงที่มีการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศในรูปแบบ Test & Go รวมถึง สนับสนุนการเร่งฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มในเด็กวัยเรียน รวมทั้ง Booster dose ในกลุ่ม 608 เพิ่มขึ้น เพื่อให้ระบบทางการแพทย์รองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยอาการรุนแรง ที่อาจเพิ่มขึ้น จากการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ได้อย่างเพียงพอ

  ขอความร่วมมือในการดำเนินการเพื่อลดการติดเชื้อลง และคงบรรยากาศการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะหากมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลายหมื่นรายต่อวัน บรรยากาศการท่องเที่ยวก็จะเปลี่ยนแปลงไป

ศบค.ไม่ปรับระดับสีพื้นที่จังหวัด-คงมาตรการเดิมรับมือโควิด19
กระทรวงสาธารณสุข รายงานสรุปสถานการณ์โรคโควิด19 ทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ในสหรัฐ ยุโรป และมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ แถบเอเชีย และอาเซียน
ขณะที่ผู้เสียชีวิตเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
หลังจากการระบาดของสายพันธุ์ Omicron ที่
สามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็ว ช่วงเดือนธันวาคม 2564 ประกอบกับหลายประเทศได้ผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล
สถานการณ์โรคโควิด19 ประเทศไทย พบผู้ป่วยอาการหนัก ผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวนคงตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 และยังไม่ได้รับวัคซีน Booster dose ขณะที่ผู้ติดเชื้อ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามการคาดการณ์ในแบบจำลองสถานการณ์ ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในครอบครัว ชุมชน จากกิจกรรมทางสังคมที่รวมกลุ่มคน ได้แก่ งานศพ งานแต่ง งานบุญ เพิ่มขึ้น ประกอบกับพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มเด็กเล็ก และเด็กวัยเรียน เพิ่มขึ้น จากการติดเชื้อในครอบครัว ญาติ เพื่อนนักเรียน รวมทั้งไปสถานที่เที่ยว ช่วงเทศกาล  

  พบการระบาดเป็น Cluster ในสถานประกอบการ สถานที่ทำงาน ตลาด โรงเรียน และชุมชน ในพื้นที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑลและหลายจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่รวมกลุ่มคนจำนวนมาก ได้แก่ งานศพ งานแต่ง งานบุญ เน้นให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ติดตามกำกับตามมาตรการ VUCA อย่างต่อเนื่อง
ศบค.ไม่ปรับระดับสีพื้นที่จังหวัด-คงมาตรการเดิมรับมือโควิด19
ปรับลดค่าตรวจโควิด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เสนอ โดยตั้งแต่ 1 มี.ค.2565 เป็นต้นไป มีการประมาณการตรวจคัดกรอง มีการใช้ATK โดยประชาชนเอง 56,000 ราย/วัน ราคาลดจาก
80 เป็น 55 บาท ,ATK โดยหน่วยบริการ50,000 ราย/วัน ราคาจาก300 เป็น ไม่เกิน 250 บาท
ตรวจวิธี RT-PCR โดยหน่วยบริการ 23,000 ราย/วัน ราคาจาก 1,200 เป็น 900 บาท รวมต่อวัน
130,000 ราย/วัน

เห็นชอบแอร์ ทราเวิลบับเบิล
ที่ประชุมยังได้เห็นชอบ ทำความตกลงแอร์ ทราเวิล บับเบิล(Air Travel Bubble :ATB) ระหว่างไทย-อินเดีย

สาระสำคัญของความตกลงATB ระหว่างไทย - อินเดีย คือ การรับขนบุคคล ผู้โดยสารต้องมี VISA เดินทางเข้าประเทศสายการบินต้องมั่นใจว่า ผู้โตยสารไม่มีข้อจำกัดในการเดินทางก่อนที่สายการบินจะออกบัตรโดยสารให้ผู้โดยสารต้องเดินทางระหว่างไทยกับอินเดียเท่านั้น เส้นทางบินจะเป็นไปตามที่ระบุไว้ในความตกลงว่าตัวยบริการเดินอากาศระหว่างไทย - อินเดีย จำหน่ายบัตรโดยสารผ่านเว็บไซตั ตัวแทนจำหน่าย ระบบสำรองที่นั่ง ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สายการบินจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในคู่มือการปฏิบัติงาน (SOP) และแนวทางที่เที่ยวกับโตวิต-19 ซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ
การอนุญาตการบิน จะอนุญาตเป็นรายเดือน และอนุญาตบนหลักการความเท่าเทียม

ส่วน การเปิดรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบ Test&Go นั้น ช่วงที่ยังไม่มี Test&Go คนเข้าประเทศช่วง 4 เดือนคือ 6.5 หมื่นคน แต่เมื่อเปิด Test&Go ช่วงปลายปี 2 เดือน คนเข้ามาประมาณ 3.2 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า และเมื่อปรับใช้ใหม่ช่วง ก.พ. ตอนนี้ตัวเลขไม่ถึง 10 วันมาแล้ว 3.2 หมื่นราย ซึ่งที่ประชุมดูแลมั่นใจในระบบนี้พอสมควร ทีมผู้รับผิดชอบมาแจ้งว่ามีการอนุมัติเข้าประเทศอีกระบบหนึ่งที่ผูกกับ Thailand Pass คือ การตรวจสอบเรื่องของการตรวจสารคัดหลั่ง คือ Thailand Pass Hotel & Swab System (TPHS) ซึ่งที่ผ่านมามีบางคนไม่อยากเข้าระบบนี้ เข้ามาแล้วหลบการตรวจต้องไปตามหาตัวกัน ที่ประชุมรับทราบว่าระบบนี้จะเชื่อมโยง Thailand Pass ให้ได้ และทำให้มั่นใจมากขึ้นว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทย ได้รับการติดตามและทราบผลเร็ว ไม่ต้องรอนาน ทำให้ถูกใจคนที่มาเที่ยวและทำงานท่องเที่ยวได้มั่นใจยิ่งขึ้น