รุดช่วยลูกจ้างประสบเหตุ เรือบรรทุกน้ำมันระเบิดกลางแม่น้ำเจ้าพระยา

รุดช่วยลูกจ้างประสบเหตุ เรือบรรทุกน้ำมันระเบิดกลางแม่น้ำเจ้าพระยา

รมว. แรงงาน สั่งด่วน เลขาธิการประกันสังคม รุดช่วยเหลือลูกจ้างที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ เรือบรรทุกน้ำมันระเบิดกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ดับ 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ จ.สมุทรปราการ

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้เรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงระเบิดกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเทียบท่าเรือใกล้ป้อมพระจุล สะพาน 2 จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จำนวน 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยและเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งการด่วนให้ สำนักงานประกันสังคมเร่งตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือลูกจ้างผู้ประสบเหตุทันที

ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ นายประธาน ถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 11 และเจ้าหน้าที่ รุดลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างเร่งด่วน พร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ

โดยทันที จากการตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประสบเหตุลำดังกล่าวเป็นของบริษัท อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลิซซิ่ง จำกัด เรือชื่อ อัมภา 8 สัญชาติไทย มีลูกจ้างประสบเหตุได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และ เสียชีวิต 1 ราย

เป็นลูกจ้างของบริษัท พี.เอส.วี. ซัพพลาย จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 932 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 11 ลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ชื่อ นายณัชพิษณุพงศ์ มาเนียม อายุ 26 ปี มีอาการบาดเจ็บสาหัส ร่างกายถูกไฟไหม้ถึง 50% ถูกนำตัวส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ ขณะนี้ยังอยู่ในห้อง ICU

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะดูแลช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตน ที่ได้รับบาดเจ็บ แยกเป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน จะได้รับสิทธิความคุ้มครองจากกองทุน เงินทดแทน เป็นค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น

 

ค่าทดแทนกรณีหยุดพักรักษาตัว ร้อยละ70 ของค่าจ้างรายเดือน สำหรับกรณีที่ลูกจ้างต้องสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกาย จะจ่ายร้อยละ70 ของค่าจ้างรายเดือน ตามระยะเวลาที่ประกาศกระทรวงแรงงานกำหนดแต่ไม่เกิน 10 ปี

สำหรับลูกจ้างที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ชื่อ นายประสิทธิ์ สุภัทร์วัน อายุ 44 ปี ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิค่าทำศพ 50,000 บาท เงินทดแทนกรณีตาย 1,680,000 บาท และเงินบำเหน็จชราภาพจากกองทุนประกันสังคม 151,504.34 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,881,504.34 บาท

นายบุญสงค์  ยังได้กำชับด่วนให้ นายประธาน ถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 11 ชี้แจงสิทธิประโยชน์ การรักษาพยาบาลจากกองทุนเงินทดแทน ให้กับญาติของลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน พร้อมติดต่อทายาทของลูกจ้างที่เสียชีวิต

ทราบว่ามีภูมิลำเนาบ้านเกิดอยู่ในจังหวัดเชียงราย ให้ได้รับสิทธิกรณีเสียชีวิตอย่างครบถ้วน สำนักงานประกันสังคม พร้อมดำเนินการตามนโยบายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ต้องดูแลสิทธิประโยชน์ของลูกจ้าง

ผู้ประกันตนให้ได้รับความคุ้มครองพร้อมช่วยเหลือ ในยามเดือดร้อนทันที เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบประกันสังคมและเป็นหลักประกันความมั่นคง ในการดำรงชีวิตแก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ