รถโดยสาร “อีวี” ลดมลพิษ ลดค่าใช้จ่ายประชาชน

รถโดยสาร “อีวี” ลดมลพิษ ลดค่าใช้จ่ายประชาชน

รัฐบาลยืนยัน "ปฏิรูปรถเมล์" ต้องการยกระดับมาตรฐานบริการขนส่งสาธารณะ และสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น คนทุกระดับเข้าถึงได้ง่ายกว่ารถยนต์ส่วนตัว นอกจากช่วยลดมลพิษได้อย่างเห็นผลแล้ว ยังทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายลดลงด้วย

กระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ “อีวี” ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากมาตรการส่งเสริมการใช้งานอีวีแบบเร่งด่วน เริ่มมีบริษัทรถตอบรับ พร้อมประกาศราคาใหม่ลดลง ทำให้มีแรงจูงใจผู้บริโภคมากขึ้น

เห็นได้จากยอดจองในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ที่เพิ่งปิดฉากไป อยู่ที่ 2,000 คัน มากกว่ายอดจดทะเบียนปี 2564 ทั้งปี ที่มีตัวเลขแค่ 1,935 คัน เท่านั้น แต่อาจมีคำถามเมื่อหมดระยะเวลาส่งเสริมคือสิ้นปี 2566 แล้ว กระแสความนิยมจะต่อเนื่องหรือไม่

หากดูถึงเป้าหมายของการส่งเสริมอีวี ที่เกี่ยวเนื่องกับหลายเรื่อง ทั้งการเข้าร่วมพันธสัญญาความเป็นกลางทางคาร์บอน การลดปัญหามลพิษ ฝุ่นละออง โดยเฉพาะ พีเอ็ม 2.5 ลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเชื้อเพลิงจากฟอสซิลมหาศาลในแต่ละปี

ดังนั้นการส่งเสริมจึงไม่ควรเกิดขึ้นเฉพาะกับรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ควรรวมถึงรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งในความเป็นจริงช่วงการเริ่มต้นผลักดันอีวี ควรเป็นรถกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นรถที่มีต้นทาง-ปลายทางชัดเจน ง่ายต่อการบริหารการชาร์จแบตเตอรี่ 

 

รวมทั้งรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งเป็นรถที่มีระยะทางการใช้งานจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้ช่วยลดมลพิษได้อย่างเห็นผล อีกทั้งต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อ กม. ที่ถูกกว่าน้ำมัน ทำให้มีจุดคุ้มทุนที่เร็วกว่ารถส่วนบุคคล ที่แต่ละวันใช้งานไม่มากนัก 

โดยล่าสุดถือว่าเป็นข่าวดี เมื่อรัฐหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการจัดหารถโดยสารพลังงานสะอาดมาให้บริการประชาชน ภายในเดือน ส.ค. 2565 โดยการว่าจ้างบริษัทเอกชนให้เป็นผู้ดำเนินการ 

รัฐบาลออกมายืนยันว่าการ "ปฏิรูปรถเมล์" ครั้งนี้ รัฐบาลต้องการให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ยกระดับมาตรฐานบริการ โดยกรมการขนส่งทางบก จะประเมินผลการประกอบการด้วยดัชนีชี้วัด (KPI) ซึ่งจะทำให้ได้ผู้ประกอบการขนส่งที่มีบริการดี สามารถตอบสนองความต้องการและสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถโดยสารสาธารณะมากขึ้น 

 

 รวมทั้งมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ ต้องการให้มีความสะดวกในการเดินทางจากการเชื่อมต่อระบบขนส่งและค่าตั๋วโดยสารราคาถูก

สำหรับรูปแบบการดำเนินการทำได้หลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการมีตั๋วรายวัน ไม่จำกัดเที่ยว ไม่จำกัดสาย หรือเสนอขยายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาใช้กับรถร่วมเอกชนได้ 

แนวทางทั้งหมดเป็นเรื่องดี เพราะการส่งเสริมรถโดยสารอีวีต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงได้มากกว่ารถส่วนตัว และที่สำคัญยังลดมลพิษอย่างเห็นผล

รวมถึงตามหลักการแล้ว จะทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายลดลง แม้ว่าราคารถโดยสารอีวีจะสูงกว่ารถใช้เครื่องยนต์ แต่เมื่อต้นทุนต่อกิโลเมตรต่ำกว่าน้ำมัน หากบริหารดีจะถึงจุดคุ้มทุนเร็วกว่า และผลประโยชน์นี้ควรตกมาถึงประชาชน