‘นูทานิคซ์’ เปิดดัชนีคลาวด์ บริบทใหม่ลงทุนไอที ‘ภาครัฐ’
นูทานิคซ์ เผยรายงานการสำรวจ “ดัชนีการใช้คลาวด์ระดับองค์กร” ประจำปี 2565 พบว่า องค์กรภาครัฐใช้มัลติคลาวด์เป็นรูปแบบหลักในงานด้านไอที
โดยอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก และคาดว่าการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 39% เป็น 67% ในช่วงสามปีข้างหน้า
ปัจจุบัน มัลติคลาวด์ได้รับการยอมรับและนำมาใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นสถาปัตยกรรมด้านไอทีที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางทั่วโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของภาครัฐ ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีการใช้มัลติคลาวด์มากที่สุดในส่วนภาคการศึกษาของรัฐในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยอยู่ที่ 69% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเกือบสองเท่า
ธุรกิจทั่วโลกตื่นตัวลงทุน
อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนในการจัดการคลาวด์หลายระบบยังคงเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญสำหรับองค์กรภาครัฐ 85% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความเห็นว่า การที่องค์กรต่างๆ จะประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลาวด์หลายๆ ระบบให้ง่ายมากขึ้น
นอกจากนั้น ในการแก้ไขปัญหาท้าทายที่สำคัญในเรื่องที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ความปลอดภัย การใช้งานร่วมกัน และการบูรณาการข้อมูล
โดย 75% มีความเห็นว่า รูปแบบไฮบริดมัลติคลาวด์ (Hybrid Multicloud) ซึ่งเป็นรูปแบบการดำเนินงานด้านไอทีที่ใช้ระบบคลาวด์หลายประเภท ทั้งไพรเวทคลาวด์และพับลิคคลาวด์ โดยมีการทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ชิป จอร์จ รองประธานกลุ่มธุรกิจภาครัฐ นูทานิคซ์ กล่าวว่า ประเทศทั่วโลกกำลังพัฒนาไปใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบมัลติคลาวด์ที่มีการผสมผสานไพรเวทคลาวด์และพับลิคคลาวด์เข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของภาครัฐซึ่งมีการนำไปใช้อย่างรวดเร็ว
“การพัฒนาที่ว่านี้จำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นในการสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งและปลอดภัย เพื่อให้สามารถใช้มัลติคลาวด์ได้อย่างเต็มศักยภาพและขยายขีดความสามารถให้ครอบคลุมทั้งส่วนแกนหลัก (Core) และส่วนขอบ (Edge) ของเครือข่าย”
ไม่มีแนวทาง ‘ครอบจักรวาล’
สำหรับประเด็นความท้าทาย ต้องเผชิญทั้งด้านการใช้งานระบบ รวมไปถึงวิธีการรันแอปพลิเคชันทางธุรกิจ และแอปพลิเคชชันที่สำคัญต่อการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมถึงแผนการรันแอปพลิเคชันดังกล่าวในอนาคต
ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย การปกป้องข้อมูลบนคลาวด์หลายระบบ (49%), การใช้งานแอปพลิเคชันที่ใดก็ได้ (47%), การรักษาความปลอดภัย (46%) และการจัดการค่าใช้จ่าย (45%) นอกจากนี้ หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด (97%)
รวมไปถึง 86% ของสถาบันการศึกษาของรัฐ และ 87% ของหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก กำลังประสบปัญหาขาดแคลนทักษะด้านไอทีสำหรับการตอบสนองความต้องการทางธุรกิจในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี โฟกัสหลักสำหรับหลายๆ องค์กรในช่วงหนึ่งปีนับจากนี้คือ การลดความยุ่งยากซับซ้อนในการดำเนินงาน ซึ่งผู้บริหารฝ่ายไอทีตระหนักว่าในการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ไม่มีแนวทางแบบครอบจักรวาลที่ใช้ได้กับทุกสถานการณ์
ดังนั้นไฮบริดมัลติคลาวด์จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดตามความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (75%) ที่จะช่วยแก้ไขความท้าทายที่สำคัญ
'โควิด-19’ กระตุ้นการลงทุน
ข้อมุลระบุด้วยว่า หน่วยงานภาครัฐมีความเห็นในแง่บวกเกี่ยวกับการที่แอปพลิเคชันสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้ (application mobility) ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้คลาวด์อัจฉริยะและมัลติคลาวด์
แม้ว่า 75% ขององค์กรภาครัฐโยกย้ายแอปพลิเคชันอย่างน้อยหนึ่งแอปพลิเคชันไปยังสภาพแวดล้อมด้านไอทีใหม่เมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ (91%)
สำหรับภารกิจสำคัญสูงสุดด้านไอทีของภาครัฐในช่วง 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้า ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย (46%), การจัดเก็บข้อมูล (41%), การปรับใช้ 5G (39%) และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการมัลติคลาวด์ (39%)
นอกจากนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้องค์กรต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านไอทีในบางแง่มุม เช่น การเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการรักษาความปลอดภัย (55%), การปรับใช้เทคโนโลยีการบริการตนเองโดยใช้เอไอ (50%) และการอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีอยู่ (40%)