‘โมบายเอ็กซ์โป’ ลุ้นเงินสะพัด 1,000 ล้านบาท
เปิดฉาก “โมบาย เอ็กซ์โป” ครั้งแรกในรอบ 2 ปี “เอ็มวิชั่น” ผู้จัดงาน ประเมินตลาดมือถือไทยไตรมาส 2 เริ่มฟื้นตัว และจะกลับมาคึกคักช่วงเดือนก.ย. เผยพิษโควิด-19 ยังส่งผลกระทบรุนแรงกับผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก คาดยอดขายลดลง ลุ้นเงินสะพัดแตะ 1,000 ล้านบาท
นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP กล่าวว่า ภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือประเทศไทยไตรมาสที่ 2 สถานการณ์ยังคงทรงๆ แต่เริ่มได้เห็นสัญญาณว่าเริ่มฟื้นคึกคักมากขึ้นกว่าเดิม และคาดว่าจะกลับมาบูมอีกครั้งช่วงเดือนก.ย.หรือต.ค. ที่จะมีไอโฟนรุ่นใหม่รวมถึงสินค้ารุ่นเรือธงของค่ายมือถือต่างๆ เปิดตัวออกมา
ล่าสุด เอ็มวิชั่นจัดงาน “ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2022” ซึ่งเป็นงานครั้งแรกของปีและครั้งแรกในรอบ 2 ปี มีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 12-15 พ.ค. 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตั้งเป้าว่าจะมียอดสะพัดราว 1,000 ล้านบาท และหากว่าการใช้คอยน์ซื้อสินค้าภายในงานได้รับความนิยมยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นได้อีก
เขากล่าวว่า ยอดขายที่หายไปหลักๆ เนื่องจากผู้บริโภคยังระมัดระวังไม่กล้าในการใช้จ่ายเงิน เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือกันช้าลง ขณะเดียวกันสินค้าใหม่ที่เปิดตัวออกมายังไม่ว้าวมากพอที่จะตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องใหม่ ด้านพันธมิตรเข้ามาร่วมงานน้อยลง จากเดิมที่เข้าร่วมประมาณ 40 ราย เหลือเพียง 30 ราย
สำหรับผู้ค้าที่มาเข้าร่วม เช่น ค้าปลีกไอทีชั้นนำ เช่น สตูดิโอ 7, เจมาร์ท, ทีจีโฟน, บานาน่า, เจไอบี พาวเวอร์บาย ซินเน็ค รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 ราย
“งานครั้งนี้ผมคาดว่ายอดเงินสะพัดคงลดลงไม่เหมือนการจัดงานครั้งก่อนๆ ผลกระทบของโควิดและการมาของอีคอมเมิร์ซทำให้คู่ค้ารายกลางและเล็กได้รับผลกระทบอย่างหนัก บางรายต้องปิดกิจการไปก็มี โดยเฉพาะผู้จำหน่ายอุปกรณ์เสริมเนื่องจากสินค้าบนมาร์เก็ตเพลสราคาต่ำกว่ากันค่อนข้างมาก”
ครั้งนี้ทางบริษัทได้เพิ่มการจัดงาน “Thailand Crypto Expo” มหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อขยายฐานตลาดเจาะกลุ่มใหม่ที่เป็น New Wealth ซึ่งกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในไทย โดยที่มาร่วมออกบูธมีจำนวนกว่า 60-70 ราย และครั้งนี้มีผู้ให้บริการจากต่างชาติสนใจเข้ามาจำนวนมาก
“การจัดงานรูปแบบนี้จะทำให้คู่ค้าสามารถทำโปรโมชั่นระหว่างสองงานได้ และหลายๆ รายกำลังเรียนรู้ที่จะผสมผสานการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งจะทำให้การตลาดของแบรนด์น่าสนใจมากขึ้น เช่น การใช้คอยน์เพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ ซื้อโทรศัพท์มือถือ รับของแถมเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล หรือเอ็นเอฟทีจากคู่ค้าของงาน โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจใช้คอยน์ซื้อสินค้าสัดส่วนอย่างน้อย 5% หรืออาจทำได้ถึง 25%”
ที่ผ่านมา จากประสบการณ์พบว่า ลูกค้าโมบายเกิน 50% เป็นลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี นิยมลงทุนคริปโทฯ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ดังนั้นต่อไปจะเข้าไปโฟกัสในจุดนี้มากขึ้น
โดยสิ่งที่ต้องทำขณะนี้คือการให้ความรู้ทำให้ผู้ค้าและลูกค้าเรียนรู้ที่จะใช้จ่ายโดยโทเคน ครั้งนี้นับเป็นการทดลองตลาดและปูพื้นฐานเพื่อนำไปปรับปรุงในการจัดงานครั้งต่อๆ ไป