“ชัยวุฒิ” เดินหน้า ”ดิจิทัล ไอดี - ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ปลดล็อคเศรษฐกิจดิจิทัล

“ชัยวุฒิ” เดินหน้าผลักดัน “ดิจิทัล ไอดี-ดิจิทัล แพลตฟอร์ม” ปลดล็อคขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ชี้รัฐบาลเดินมาถูกทางโครงสร้างด้านพื้นฐานของดิจิทัลประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ดี ไทยติดอันดับโลกหลายด้าน อันดับ 1 โมบายแบงกิ้ง อันดับ 2 โมบายเพย์เม้นท์ และอันดับ 3 อีคอมเมิร์ซ คาดปี 73 เศรษฐกิจดิจิทัลไทยมีสัดส่วน 30% ของจีดีพี

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส กล่าวในงาน ปาฐกถาพิเศษ ในงาน สัมมนา Thailand Digital Fast Forward อัพสปีดเศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจดิจิทัล อนาคตประเทศไทย” จัดโดยหนังสือพิมพ์หรุงเทพธุรกิจ และฐานเศรษฐกิจ ว่าในยุคที่โลกต้องเผชิญความท้าทายหลากหลายรูปแบบ ที่ทำให้บริบทของโลกเปลี่ยนไป รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับเทรนด์ของโลกที่ก้าวเข้ายุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) จนเข้มแข็ง

โดย กระทรวงดิจิทัลฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยจะเติบโต และมีสัดส่วนมากกว่า 20% ของจีดีพีประเทศได้ และเชื่อว่าภายในปี 2573 หรือเร็วกว่านั้น เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยจะมีสัดส่วน 30% ของจีดีพี

ซึ่งโครงสร้างด้านพื้นฐานของดิจิทัลประเทศไทย ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากในการทำธุรกิจออนไลน์ หรือการลงทุนต่างๆการยกระดับศักยภาพ และการเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลได้ลงทุนไว้ ผลักดันให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับโลกด้านดิจิทัลหลายเรื่อง เป็นที่ 1 ของโลกด้านการใช้โมบายแบงกิ้ง อันดับ 2 ของโลกในการด้านโมบายเพย์เม้นท์ และอันดับ 3 ของโลกด้านอี-คอมเมิร์ซ เป็นต้น ล่าสุด รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายขับเคลื่อนอินเตอร์เน็ตให้เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สำคัญ

“สิ่งที่รัฐบาลทำเดินมาถูกทาง พร้อมเพย์เป็นรากฐานสำคัญในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ของคนไทย วันนี้คนไทยไม่รู้สึกแปลกในการใช้บริการ เช่นเดียวกับแอปเป๋าตัง ที่มีผู้ใช้ 40 กว่าล้านคน ทำให้คนมีการใช้เงินระบบดิจิทัลมากขึ้น เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญให้การซื้อขายสินค้าบนริการ และธุรกรรมการเงินด้านอื่นๆตามมา ส่วนโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ต วันนี้โครงการเน็ตประชารัฐ เข้าถึง74,965 หมู่บ้าน เกือบ 100% มีความเร็วของอินเตอร์เน็ตทั้งบรอดแบนด์ ไฟเบอร์ 4G และ 5G ติดอันดับโลก มีอัตราค่าบริการอินเตอร์เน็ตราคาถูก โดยบริการบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตเอ็นที ราคาเริ่มต้น 200 กว่าบาท นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต นำร่องภูเก็ต เมตาเวิร์ส ก่อนขยายไปยังจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ “

ที่ผ่านมาประเทศไทยจัดทำแผนปฏิบัติการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2561-2565) โดยตลอดระยะเวลาในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและ Data Economy ของไทยก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ขณะที่ รายงานการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยสถาบัน IMD พบว่า ในด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นจาก อันดับ 29 สู่อันดับที่ 22 โดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่ การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตใช้สาย และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคม

เทรนด์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล นับเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล เพิ่มช่องทางใหม่ สร้างโอกาส อำนวยความสะดวก ทั้งเรื่องการทำงาน การค้าขาย และกิจกรรมในชีวิตประจำวันในโลกยุคใหม่ อย่างไรก็ตามความสะดวกสบายเหล่านี้ เป็นการเปิดช่องว่างความเสี่ยงและความเสียหายจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง ทั้งการฉ้อโกงออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การโจรกรรมข้อมูล การโจมตีทางไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ

ภารกิจสำคัญของกระทรวงดิจิทัลฯ คือ เร่งขับเคลื่อนให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยครอบคลุมทั่วประเทศ เร่งการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ยกระดับการเรียนรู้ในระบบดิจิทัล ตลอดจนพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัล รวมทั้งดึงดูดการลงทุนด้านดิจิทัล และใช้นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อไปว่าแผนงานที่ กระทรวงดิจิทัลฯ จะดำเนินการถัดไปหลังจากนี้เพื่อปลดล็อคการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ คือ 1.ดิจิทัล ไอดี (Digital ID) ที่ช่วยให้การยืนยันตัวตนทางออนไลน์ทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยขณะนี้กำลังคุยกับกระทรวงมหาดไทย จัดทำระบบยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้า ซึ่งตั้งใจจะทำให้เสร็จภายในปีนี้ และ 2. ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่เข้ามาช่วยในการกับดูแลดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแพลตฟอร์มต่างประเทศ โดยขณะนี้ ร่าง พรฎ.ว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พศ.