ไทยอย่าเป็นกบต้ม! 'ลูลู่' ชี้ โลกธุรกิจแข่งกันที่ AI ไม่ใช่ค่าแรง

ไทยอย่าเป็นกบต้ม! 'ลูลู่' ชี้ โลกธุรกิจแข่งกันที่ AI ไม่ใช่ค่าแรง

​ปริชญ์ รังสิมานนท์ ผู้บริหารลูลู่ เตือนเอกชนไทย ต้องเร่งใช้ AI ในธุรกิจ ถ้าไม่อยากเสียเปรียบในโลกที่แข่งขันด้วยเทคโนโลยี ไม่ใช่ค่าแรง

ปริชญ์ รังสิมานนท์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ลูลู่ เทคโนโลยี จำกัด ขึ้นกล่าวในงานสัมมนา กรุงเทพธุรกิจ AI Revolution 2025: A New Paradigm of New World Economy หัวข้อ Special Talk: Unlocking Unlimited for Growth วันที่ 27 มี.ค. 68 โดยระบุว่า ปีที่ผ่านมา Agentic AI พัฒนาขึ้นมาก จนเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น

“เราพูดถึงสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากๆ ของเอไอ แต่ปัญหาคือ ประเทศไทยยังมีจำนวนผู้ใช้น้อยมาก เราฟังเยอะมากๆ ในเรื่องเอไปน่าตื่นเต้นและต้องนำมาใช้ แต่เรามองไปรอบข้าง คนที่ใช้จริงๆ น้อยมาก”

พร้อมพาย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ให้ดูว่า ทุกๆ ครั้งของการเกิด technological advanced revolution ต้นทุนจะต่ำลงมหาศาล

เช่น ครั้งแรกที่มีเครื่องจักรไอน้ำ ต้นทุนในการทำผ้าลดลง 66% สิ่งที่เกิดขึ้นคือความวุ่นวาย เพราะคนตกงานทั่วประเทศอังกฤษ

“ตอนนี้ เรานั่งฟังเรื่องเอไออยู่ แต่ชาวบ้านที่กำลังทำนา กำลังทำอะไร เขายังไม่รู้เลยว่า ณ วันนี้ เครื่องจักรไอน้ำมันเกิดอยู่ และเป็นสึนามิลูกใหญ่ ผมรู้สึกว่า คนไทยยังไม่ได้รู้สึกว่า สึนามิมันมา เรายังเป็นคนอังกฤษ ณ วันนั้นที่กำลังทอผ้าอยู่” เขากล่าว

ไทยอย่าเป็นกบต้ม! \'ลูลู่\' ชี้ โลกธุรกิจแข่งกันที่ AI ไม่ใช่ค่าแรง

สำหรับ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง คือ ตอนที่ไฟฟ้ามา คนได้ประโยชน์ คือ ฟอร์ด เพราะคนอื่นยังใช้เครื่องจักรไอน้ำอยู่เลย แต่ฟอร์ดใช้กระแสไฟฟ้าสร้างโปรดักชั่นไลน์ขึ้นมา ต้นทุนก็ลดลง 70% ภายใน 10 ปี ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 20% กลายเป็น 55%

และยังมีการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ (Computer Revolution) ที่พลิกโฉมธุรกิจ อุตสาหกรรมอย่างมาก และมีหลายธุรกิจที่ล้มหายตายจากไป

"ปีที่แล้ว ผมขึ้นเวทีนี้ ผมบอกว่า เมืองไทยกำลังเป็น กบต้ม (Boiling Frog) เพราะเราไม่เปลี่ยน แต่สิ่งที่ต่างกันในหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมยังไม่เห็นประเทศไทย ใครขยับ นอกจากอุตสาหกรรมเดิมๆ แบงก์ ประกัน โทรคมนาคม

วันนี้เมืองไทยไม่ใช่กบต้มแล้ว ถ้าวันนี้ใครเดินหน้าเต็มศักยภาพ ผมคิดว่าเก่งมาก เพราะประเทศไทย เราพูดกันเยอะ เราฟังกันเยอะ แต่เรายังไม่ขยับ นอกจากนำแชทบอทมาใช้เล็กๆ น้อยๆ"

"ข่าวแย่กว่านั้นคืออะไร.. โลกไม่ได้โตขึ้น โลกโตช้าที่สุดในรอบ 10 ปี รถขายไม่ออก สมาร์ทโฟนยอดขายตก PC ตกไป 10% ซีอีโอหลายบริษัทถูกไล่ออก มี 694 บริษัทในสหรัฐยื่นล้มละลายปีที่แล้ว"

ไทยอย่าเป็นกบต้ม! \'ลูลู่\' ชี้ โลกธุรกิจแข่งกันที่ AI ไม่ใช่ค่าแรง

ปริชญ์ ฉายภาพว่า นี่คือ Industrial Revolution อีกรอบ ซึ่งถ้าธุรกิจไม่ขยับตัว บริษัทจะหายหมดจริงๆ

'AI' ตัวคูณ ลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพ

"ตอนนี้ ไม่ได้เรียกว่า Moore's Law แล้ว เขาเรียกว่า Wright's Law การที่ทำอะไรมากขึ้นสองเท่า ต้นทุนการผลิตลดลง อินดัสเทรียลโรบ็อทส์ ลดลง 50% แบตเตอรี่ลดลง 28% DNA Sequencing ลดลง 40% และ ต้นทุนเทรนนิ่งเอไอลดลง 70%

Deepseek มาปุ๊บ มันไม่ได้ลดต้นทุนลงทีละ 5% 10% แต่ลดทีนึงเกือบสิบเท่า ประเทศไทยเราอยู่กับแรงงานราคาถูกมาตลอด และถ้าเราอยากเพิ่มผลิตภาพ เราเลือกจ้างแรงงานเพื่อนบ้าน เพราะเงินเดือนถูก แต่เรากำลังสู้กับคนที่ต้นทุนการผลิตลดลงทีละ 50%

วันนี้ เอไอทำให้ต้นทุนลดลง ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และคนตกงานแน่นอน" เขากล่าว 

พร้อมทั้ง ยกตัวอย่างบริษัทที่เริ่มนำเอไอมาใช้แล้ว เช่น ชไนเดอร์ที่ใช้ predictive maintenance และสามารถลดต้นทุนได้ 44 ล้านดอลลาร์ และสามารถพัฒนาอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 25%

ส่วน ฟูจิตสึ ใช้ AI Computer Vision เพื่อควบคุมคุณภาพ และสามารถช่วยป้องกันข้อผิดพลาดได้เพิ่มขึ้น 50% และลดการใช้แรงงานคนได้ 25%

ด้าน Expedia ก็ใช้คอมพิวเตอร์แทนคนในงาน customer service ไปถึง 1 ล้านชั่วโมงในปีที่แล้ว ส่วน Hopper ทราเวลเอเยนต์ของแคนาดาได้นำเอไอมาใช้ทำให้คนซื้อผ่านเว็บไซต์มากขึ้น 2.5 เท่า

ภาคการเกษตร ยกตัวอย่างรถขับ John Deere ซึ่งใช้ Computer Vision เพื่อช่วยแยกผลผลิตออกจากวัชพืช ช่วยลดการใช้สารเคมีไปถึง 90% , อาลีบาบา คลาวด์ สามารถทำให้หมูหนึ่งตัวเพิ่มลูกได้อีก 3 ตัว, โรงแรมแมริออท สามารถทำ personalization จนเพิ่มยอดจองได้ 20%

ส่วนวอลมาร์ท , ยูพีเอส ลดการใช้น้ำมันไปสิบล้านแกลลอนต่อปี จากการจัดการเส้นทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพ

ไทยอย่าเป็นกบต้ม! \'ลูลู่\' ชี้ โลกธุรกิจแข่งกันที่ AI ไม่ใช่ค่าแรง

อย่าแค่พูด แต่ต้องใช้ให้เต็มศักยภาพ

“นึกถึงภาคบริการของเรา โรงแรมที่เราบอกว่า เซอร์วิสเราดี ผมไม่เถียงว่า เซอร์วิสเราดีจริง อาหารเราอร่อยจริง แต่ปัญหา คือ เราจะไปสู้กับคนที่ประสิทธิภาพเขาเพิ่มขึ้นปีละสิบ ยี่สิบ สามสิบ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ยังไง วันนี้เซอร์วิสดีอย่างเดียว ไม่ได้ตอบโจทย์”

เฮลท์แคร์ ก็ใช้เอไอเข้ามาช่วยตรวจจับมะเร็งได้เร็วขึ้น 15% มาช่วยวินิจฉัยโรค เพิ่มความสำเร็จในการรักษาได้ 20-30%

วันนี้ เรากำลังพูดถึง สิบ ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์

“ผมพูดตรงนี้ ผ่านมาปีนึง ประเทศไทย ณ วันนี้มีใครใช้เอไอ ณ วันนี้มีใครใช้เอไอแบบเต็มศักยภาพ

ดูที่เมืองไทย วันนี้ประสิทธิภาพการผลิตของเราลดลง เหลือ 2.7% วันนี้ทราเวลเอเยนต์ที่เมืองไทย มีใครโทรหาเพื่อจองตั๋วไหม อุตสาหกรรมสิ่งทอและเหล็กก็หายหมด เหล็กเราตายแล้ว ข้าวเราผลิตได้ 3 ตันต่อเฮกเตอร์ เทียบกับ 5.7 ตันของเวียดนาม ร้านเล็ก ธุรกิจครอบครัว (mom-and-pop shop) หายหมด”

ไทยอย่าเป็นกบต้ม! \'ลูลู่\' ชี้ โลกธุรกิจแข่งกันที่ AI ไม่ใช่ค่าแรง

ธุรกิจเล็ก ก็ใช้เอไอได้

ปริชญ์ ย้ำว่า “เอไอ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ไกลตัว” โดยทุกธุรกิจ ไม่ว่าเล็กใหญ่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากเอไอได้

“BCG ออกมาบอกว่า ผู้บริโภคไทยตื่นตัวมากกับเอไอ ผมว่า เราเป็นประเทศที่จัดงานเกี่ยวกับเอไอเยอะที่สุดในโลก แต่คนกลับนำไปใช้น้อยที่สุด

คนที่มาลูลู่ ก็ยังอยู่ในสายอุตสาหกรรมอยู่ ผมอยากเห็น SMEs ที่มาด้วยโจทย์ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มกำไรอีกนิดหน่อย

ลูลู่ เราทำอะไรได้บ้าง เราช่วยเพิ่มคาดการณ์ประสิทธิภาพ ลดคาดการณ์ข้อผิดพลาดได้ ทำให้เขาสามารถเพิ่มรายได้ได้สองเท่า หรือตัวอย่างลูกค้าซูเปอร์มาร์เก็ต จากเดิมต้องทิ้งของเน่าเสียไปประมาณ 150 ล้านบาท แต่ด้วยการคาดการณ์ที่ดีขึ้น ก็ช่วยลดต้นทุนไปหลักสิบล้านบาท แต่ทั้งหมดนี้ คือ บริษัทใหญ่ทั้งนั้น และส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติที่กล้าลงทุนเอไอ

ถามว่า ธุรกิจเล็กๆ มีใครทำตรงนี้บ้าง ถ้าคุณทำโรงงานอุตสาหกรรม คุณต้องคิดนะครับ ว่า สิ่งที่คุณโยนทิ้ง มันเสียไปตั้งเท่าไหร่

บริษัทที่ผมทำให้ เขาผลิตน้ำนาทีละพันขวด เขาหยุดไม่ได้ เขาต้องรู้ว่า ต้องซ่อมอะไรเมื่อไหร่ นี่คือ predictive maintenance

ชี้ชะตาด้วยเอไอ ไม่ใช่ค่าแรง

“คอลเซ็นเตอร์ก็เป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่คนถูกไล่ออกหมดแน่นอน วันนี้ผมจัดการอยู่ประมาณ 15% ของบางบริษัท ปีหน้าเป้าหมายลูกค้าผมคือ ต้องเพิ่มเป็น 90% ไม่ต้องมีคน นั่นหมายถึงคนถูกไล่ออก 2,000 - 3,000 คนแน่นอน

ที่สำคัญ คือ call summary เวลาโทรเข้าหาคอลเซ็นเตอร์ เขาต้องถามแล้วว่า โทรมาทำไม ปิดยอดขายไม่ได้เพราะอะไร ผู้บริโภคมีปัญหาอะไร เอไอทำได้

คอลเซ็นเตอร์จะตกงานมหาศาล แล้วเขาจะไปทำอะไร ไปทำเกษตร ที่ผลิตภาพต่ำ มะม่วงไทยเทียบกับเวียดนาม เราแพงกว่าเขาอย่างต่ำ 5 เท่า

เราจะอยู่ได้อย่างไร เราแข่งด้วยแรงงานที่เรากำลังจะโดนขึ้นค่าแรง แต่ผมว่า ขึ้นค่าแรง หรือ ไม่ขึ้นค่าแรง มันไม่สำคัญเลย เพราะเรากำลังแข่งกับคนที่เขาเพิ่มผลิตภาพ และลดคอสต์ได้ 50%”

พร้อมกันนี้ ยังได้แชร์ยูสเคสเพิ่มเติม ที่ ลูลู่ เทคโนโลยี ได้เข้าไปร่วมพัฒนาให้กับลูกค้า เช่น การทำเทเลเมดิซีน ให้กับลูกค้าราว 40 โรงพยาบาล มีเทเลเมดผ่านแพลตฟอร์ม 10,000 คน และได้ให้เอไอเป็นผู้ช่วยแพทย์ ทั้งทำรายงานสรุปข้อมูลผู้ป่วย และลดขั้นตอนการสั่งยา เพื่อให้สะดวกรวดเร็วขึ้น

“หรือแม้กระทั่งบริษัทเอสเอ็มอีเล็กๆ ที่บ้านผมขายปุ๋ย ผมต้องมีราคาซื้อยูเรีย ซื้อวัตถุดิบที่เก่งกว่าคนอื่น สิ่งที่ทำ คือ ผมให้เอไอดูข่าวยูเรียทั่วโลก และให้อีเมลหาผมทุก 6 โมงเช้า ผมต้องรู้ก่อนคนอื่น ว่า วันนี้ราคายูเรียเท่าไหร่ เพื่อผมสั่งเซลผมได้ก่อนที่เทรดเดอร์จะโทรหาผมด้วยซ้ำ

หรือเรื่อง Sale summary ทุกวันนี้เซลต้องเขียนรีพอร์ตส่ง แต่ปัญหาคือเซลรีพอร์ต อ่านไม่รู้เรื่อง ก็เปลี่ยนมาเป็น ให้เซลอัดเสียง แล้วให้เอไอสรุปให้ ตอนจบทั้งเดือนก็ให้สรุปให้อีกที อันนี้เอไอช่วยผมมหาศาล

ไทยอย่าเป็นกบต้ม! \'ลูลู่\' ชี้ โลกธุรกิจแข่งกันที่ AI ไม่ใช่ค่าแรง

การใช้งานเอไอไม่ใช่สิ่งที่อยู่ไกลตัว ถ้าวันนี้ กลับไปยังไม่ได้ใช้เอไอ ผมว่า เราตายแน่ เรารู้อยู่แล้วว่า เอไอมันมา เราเลือกได้ว่า วันนี้เราจะเป็น โกดัก บล็อกบัสเตอร์ หรือ โนเกีย หรือเราอยากเป็น แจ๊ค หม่า เราเห็นแล้วว่า เอไอ มา แต่เราไม่ทำอะไรเลย เราคือ โกดัก”

ทั้งนี้ ปริชญ์ ประเมินว่า 95% ของบริษัทประเทศไทย จัดว่า “ยังอยู่เฉย”

“อย่าคิดว่า เศรษฐกิจโลกมันแย่ ซักวัน เดี๋ยวเศรษฐกิจโลกดี เราจะดีเอง ผมบอกได้เลยว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้น เศรษฐกิจโลกดี เรายิ่งแพ้เยอะ เพราะเขายิ่งลงทุนเยอะในเอไอ ผลิตภาพเขายิ่งเยอะ

เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้ เราไม่ขยับ เราตายแน่ ใครมาก่อนได้ก่อน”