Xiaomi เข้าร่วมวงการ AI จีน ด้วยโมเดล MiMo โอเพนซอร์สคล้าย DeepSeek

ไม่หยุดแค่มือถือและอีวี Xiaomi เข้าร่วมวงการ AI จีน ประกาศเปิดตัว MiMo โมเดลเอไอให้เหตุผลตัวแรกของบริษัท และยังเปิดเป็นโอเพนซอร์สคล้ายกับของ DeepSeek
เสียวหมี่ (Xiaomi) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ประกาศเข้าสู่สนามการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัวโมเดลเอไอแบบโอเพนซอร์สที่มีชื่อว่า “MiMo” ซึ่งเป็นโมเดลด้านการให้เหตุผล (reasoning model) ที่ถูกออกแบบให้คิดวิเคราะห์แบบเดียวกับมนุษย์ คล้ายกับโมเดล R1 ของ DeepSeek บริษัทสตาร์ตอัปจีนที่สร้างความประหลาดใจให้วงการด้วยโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ต้นทุนต่ำ
เสียวหมี่ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านทาง WeChat ระบุว่า โมเดล MiMo สามารถทำคะแนนในการทดสอบประสิทธิภาพได้เหนือกว่าทั้ง o1-mini ของโอเพนเอไอและ Qwen ของอาลีบาบา อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์กยังไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนี้อย่างอิสระ
การเปิดตัว MiMo เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่อาลีบาบาเปิดตัวโมเดลหลัก Qwen-3 เวอร์ชันล่าสุดของตน สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ทวีความเข้มข้นระหว่างบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนในการพัฒนาโมเดลเอไอ
โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลจีนแสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจน เช่น การที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางไปเยี่ยมศูนย์บ่มเพาะและเร่งการเติบโตของบริษัทเอไอ ซึ่งได้รับการรายงานอย่างกว้างขวางผ่านสื่อรัฐ ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีเอไอในจีน รวมถึงเสียวหมี่ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 5% ในตลาดหุ้นฮ่องกง
แม้เสียวหมี่จะยอมรับว่าเข้าสู่วงการนี้ช้ากว่าคู่แข่ง โดยระบุใน WeChat ว่า แม้ปี 2568 อาจดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่สายเกินไป แต่เชื่อว่าเป้าหมายของการสร้าง AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไปที่มีระดับสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์) เป็นเรื่องระยะยาวที่ยังไม่สายเกินไปจะเริ่มต้น
การเปิดตัวโมเดล MiMo นี้ยังถือเป็นผลิตภัณฑ์เอไอ “ตัวจริง ตัวแรก” จากทีมพัฒนาโมเดลเอไอของเสียวหมี่ แม้ก่อนหน้านี้ผู้บริหารจะพูดถึงการลงทุนด้านเอไอหลายครั้ง แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ชัดเจนออกมาเลยจนถึงตอนนี้
ในปี 2567 บริษัทเพิ่งประกาศลงทุนกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งถือเป็นโครงการสตาร์ตอัปสุดท้ายของ เหลย จุน มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งเสียวหมี่ ที่ตั้งใจทุ่มแรงทั้งหมดให้กับธุรกิจนี้ แต่ความฝันนั้นก็สะดุดลงบางส่วน เพราะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับรถยนต์รุ่นเรือธงของบริษัท จนทำให้ต้องเลื่อนการเปิดตัวรถ SUV รุ่นแรกออกไป ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลงไปราว 15% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เสียวหมี่ได้ออกมาชี้แจงผ่านโพสต์บน Weibo ภายหลังการเผยแพร่รายงานของบลูมเบิร์กว่า กำหนดการเปิดตัวรถยนต์รุ่น YU7 ยังคงเป็นไปตามแผนเดิมในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม 2568