เหรียญกษาปณ์ ดีไซน์

เหรียญกษาปณ์ ดีไซน์

คุณค่าของเหรียญนั้นย่อมมีมากกว่า ด้วยค่าของวัสดุ ยิ่งได้กระบวนการคิดออกแบบตามโจทย์ และนำกรรมวิธีโบราณการผลิตเรียญกลับมาใช้ ยิ่งล้ำค่า

ระหว่างธนบัตรมูลค่าร้อยบาทกับเหรียญสิบ วางเป็นตั้งมูลค่าเท่ากัน คุณค่าของเหรียญนั้นย่อมมีมากกว่า ด้วยค่าของวัสดุ ยิ่งได้กระบวนการคิดออกแบบตามโจทย์ และนำกรรมวิธีโบราณการผลิตเรียญกลับมาใช้ ยิ่งล้ำค่า

ทุกๆ 2 ปี วงการโรงกษาปณ์ในกลุ่มประเทศอาเซียนจะมีความตื่นตัว เพื่อเรียนรู้ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการผลิตเหรียญกษาปณ์ โลหะผลิตเหรียญและการออกแบบเหรียญกษาปณ์ ให้มีต้นทุนต่ำแต่มีความปลอดภัยสูง การพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตเหรียญ นำเสนอโดยผู้แทนโรงกษาปณ์ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งโรงกษาปณ์ไทย ตลอดจนอนาคตของเงินตราจะไปในทิศทางใดในการประชุม TEMAN ซึ่งครั้งล่าสุดนี้จัดเป็นครั้งที่ 16 โดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

ในฐานะ "เจ้าบ้าน" ไทยจะได้โชว์ศักยภาพเทคนิค ทักษะ และไอเดียในการสร้างสรรค์เหรียญที่ระลึกในแบบฉบับของตัวเอง เพื่อสื่อสารความเป็นไทยตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ต่อยอดถึงแนวคิดในอนาคต

พดด้วง คืนชีพ

แนวคิดในการออกแบบเหรียญที่ระลึกการประชุม TEMAN ครั้งล่าสุดนี้ใช้ระยะเวลากว่า 4 เดือน ซึ่งวุฒิชัย แสงเงิน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านศิลปกรรม กรมธนารักษ์ กล่าวว่า "เงินพดด้วง" สื่อถึงความรู้ในการผลิตเงินตราของชาติ ที่มีการผลิตมาตั้งแต่โบราณ มีเทคนิค วิธีการคิดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชนชาติไทยที่มีความงาม มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ส่วนธงชาติไทยที่รองรับเงินพดด้วงนั้น สื่อถึงความเจริญในปัจจุบัน ผสมผสานระหว่างเทคนิคในอดีตและเทคโนโลยีปัจจุบัน จนนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดอย่างยั่งยืน

"เทคนิคการลงสีบนธงชาติไทย ได้นำเทคนิคลงยาสีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีความงามและคุณค่าทางศิลปะมาพัฒนาต่อยอดในรูปแบบเหรียญที่ระลึก โดยใช้ขั้นตอนการทำแบบโบราณจริงๆ เอาสีก้อนใหญ่มาบดละเอียดเป็นแป้ง มาต้มเคี่ยวจนเหลว นำมาทาแล้วรอให้ตกผลึก จากนั้นก็เผาด้วยอุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียสเพื่อให้ยาสีละลาย ซึ่งนับเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก แต่ก็เป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ และเป็นการเพิ่มเทคนิคที่จะใช้ในการกำหนดรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น" ปัญญา คำเคน นักวิชาการช่างศิลป์ กล่าวเสริม

ชาตินันท์ ชีวาลักษณ์ นายช่างศิลปกรรม กล่าวต่อว่า ยังเพิ่มส่วนด้ายซ้ายและขวาเป็นปีกนกวายุภักษ์ที่โอบอุ้มเงินตรา หมายถึงการดูแลการผลิตเงินตรา ความดี ความซื่อสัตย์ ความมีอิสระ และพลังในการพัฒนา นำองค์กรให้เจริญก้าวไกลดั่งเช่นนกวายุภักษ์ ส่วนด้านหลังปรากฏโลโก้ของการประชุม รูปคนสองคน สื่อแทนความร่วมมือของโรงกษาปณ์ประเทศอาเซียนและทั่วโลก สอดคล้องกับแนวคิดที่ว่า "Partnership in Excellence" ทั้งนี้สีสันยังสื่อความหมายในการออกแบบได้ อย่างสีทอง แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองและมีคุณค่า ส่วนสีเขียว คือความร่มเย็นและธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องครบตามทัศนธาตุ ทั้งเส้น จุด สี รวมถึงขั้นตอนการผลิตว่าจะสอดรับกับการออกแบบนั้นหรือไม่ เรียกได้ว่าต้องมีความงามครบองค์

"อยากให้คนไทยหันมาสนใจความเป็นมาและคุณค่าของเหรียญ ว่าเรามีวิวัฒนาการยาวนาน เริ่มใช้เงินพดด้วง จากนั้นสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นเหรียญกลมแบน การตีตราเหรียญ จากนั้นก็มีความเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย จนหลงลืมเทคนิคโบราณหลายๆอย่าง การลงยาสีก็เป็นสิ่งที่ควรนำมาเผยแพร่เพราะเป็นเทคนิคชั้นสูง และมักไม่ปรากฏอยู่บนเหรียญกษาปณ์นัก เพราะปัจจุบันเราใช้แต่สีวิทยาศาสตร์ รวมถึงการใช้เทคนิคปั้่นแบบโบราณ แกะลายด้วยมือ เป็นหัตถกรรม ไม่นำเครื่องจักรมาปริ้นท์เลย ดังนั้นการชูเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ต้องการจุดประกายให้ผู้ผลิตเหรียญเน้นการสร้างมูลค่าในตัวเหรียญ ส่งเสริมเทคนิคให้เป็นทางเลือกใหม่ และมีความหลากหลายมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถประยุกต์ของเก่าและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าด้วยกันให้ได้" ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านศิลปกรรม กล่าว


โรงกษาปณ์ รับจ้างผลิต

ดร. นริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า หน้าที่หลักของกรมฯ นอกจากการผลิตเหรียญกษาปณ์เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนในประเทศแล้ว ยังสามารถผลิตเหรียญที่ระลึกในวาระโอกาสต่างๆด้วย แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่ขาดหลักการตลาดมาสานต่อเพื่อบุกตลาดเหรียญที่ระลึกได้ทั้งในและนอกประเทศ

"ข้อดีของเราคือ มีกำลังการผลิตที่มีฝีมืออยู่แล้ว เราทำอาร์ทเวิร์คได้สวย มีความสามารถเชิงศิลป์และใช้เครื่องจักร และเทคโนโลยีทันสมัยควบคู่กันไปได้ หากจะเปิดตลาดรับจ้างผลิตให้กับองค์กรต่างๆในประเทศ ก็จะนำเงินมหาศาลกลับเข้าคลังได้ ซึ่งแนวทางของกรมธนารักษ์จะมองโอกาสทำตลาดเหรียญที่ระลึกขายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน มีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางในการผลิตเหรียญกษาปณ์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องด้วยหลายประเทศในอาเซียนยังไม่มีโรงกษาปณ์เป็นของตัวเอง และจำนวนประชากรในอาเซียนมีความจำเป็นต้องใช้เหรียญกษาปณ์ มากกว่า 600 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เข้าของประเทศนับหมื่นล้านบาทต่อปี หลังจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558"

ปัจจุบันหลายคนหันมาสะสมเหรียญที่ระลึกและเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกมากขึ้น เพราะคุณสมบัติของวัสดุ เงินและทองแดงที่นำมาผลิตเป็นเหรียญนั้นมีคุณค่าในเชิงพาณิชย์ได้ (High Value Added) ในขณะเดียวกันทุกครั้งที่มีการผลิตเหรียญกษาปณ์เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียน ต้องคำนวนต้นทุน ไม่ให้เกินมูลค่าใช้จริง จุดต่างต้องไม่มากหรือน้อยเกินไป ในขณะที่การใช้วัสดุกระดาษมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่ามาก รวมทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า ซึ่งเป็นโอกาสให้วงการเหรียญกษาปณ์ยังเติบโตได้อีกมาก