Gadget
15 ชุมชนนำร่องโรงไฟฟ้าชีวมวล

5 หน่วยงานลงนามขับเคลื่อนพลังงานชีวมวลชุมชนสีเขียวแบบครบวงจร เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน นำร่องในพื้นที่ 15 ชุมชนภาคอีสาน
5 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ร่วมกันจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการส่งเสริมสถานีผลิตพลังงานชีวมวลชุมชนสีเขียวแบบครบวงจรเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมี นายอำนวย ทองสถิตย์ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) นายสุวัฒน์ เชี่ยวชาญชัย ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายเสรี อติภัทธะ รองอธิบดีกรมโรงงาน-อุตสาหกรรม นายอดุลย์ กาญจนวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และ รศ. วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว โดยมี นายวีรนันท์ ณีลดานุวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดสถานีผลิตพลังงานชีวมวลชุมชนแบบครบวงจร เพื่อการพัฒนาด้านพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน และสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการสถานีผลิตพลังงานสีเขียว Distributed-Green-Generation: DGG ของ พพ. ที่ให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของการสร้างสถานีพลังงานชีวมวลชุมชน หรือ โรงไฟฟ้าชีวมวลชุมชนขนาดไม่เกิน 1 MW พบว่า เครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกพืชพลังงานและไม้โตเร็วในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 15 ชุมชน ได้แก่ 1. ตำบล ละหาน อำเภอ จัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ 2. ตำบล นาหว้า อำเภอ ภูเวียง จังหวัดขอนแก่น 3. ตำบล คำแมด อำเภอ ซำสูง จังหวัดขอนแก่น 4. ตำบล ห้วยยาง อำเภอ กระนวน จังหวัดขอนแก่น 5. ตำบล นามะเฟือง อำเภอ เมือง จังหวัดหนองบัวลำภู 6. ตำบล โนนม่วง อำเภอ ศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู 7. ตำบล กุดจิก-หนองภัยศูนย์ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู 8. ตำบล จำปี อำเภอ ศรีธาตุ จังหวัด อุดรธานี 9. ตำบล ปะโค อำเภอ เมือง จังหวัดหนองคาย 10. ตำบล บะหว้า อำเภอ อากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร 11. ตำบลไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ 12. ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด 13. ตำบล ไพศาล อำเภอ ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด 14. ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอ สิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี 15. ตำบล สีสุก-ศรีละกอ อำเภอ จักราช จังหวัดนครราชสีมา มีศักยภาพทั้งในด้านปริมาณวัตถุดิบ ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชุมชน ขณะเดียวกันก็มีภาคเอกชนและสถาบันการเงินให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนร่วมกับชุมชนทั้ง 15 ชุมชน เพื่อจัดตั้งสถานีพลังงานชีวมวลชุมชนให้เป็นสถานีต้นแบบเพื่อการขยายผลได้จริง โรงไฟฟ้าหรือสถานีพลังงานชีวมวลชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 15 แห่ง ดังกล่าว จะใช้วัตถุดิบ ได้แก่ ไม้ยูคาลิปตัส เหง้ามันสำปะหลัง และซังข้าวโพด ที่มีในพื้นที่ในรัศมี 30 กิโลเมตรจากที่ตั้งโรงงาน เป็นเชื้อเพลิงผ่านระบบแก๊สซิฟิเคชั่นเพื่อผลิตไฟฟ้ากำลังการผลิตขนาด 1 MW และส่งเข้าระบบขายให้กับ กฟภ. โดยการลงทุนจะเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทเอกชนที่เป็นนักลงทุน หรือ เอกชนผู้เป็นเจ้าของเทคโนโลยี และชุมชนในนามของสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน ซึ่งชุมชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการจัดตั้ง ตั้งแต่การแสดงความคิดเห็น การวางแผน การบริหารจัดการ การแบ่งปันผลประโยชน์ และแผนการขยายธุรกิจชุมชนในอนาคต โดยจะมีผู้แทนของทั้ง 5 หน่วยงานเป็นคณะที่ปรึกษา และดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนให้คำปรึกษาที่ถูกต้องในการเตรียมความพร้อมต่างๆ และผลักดันให้การจัดตั้งสถานีพลังงานชีวมวลชุมชนทั้ง 15 แห่ง เป็นโครงการนำร่องอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 ปีอนึ่ง ในการบูรณาการความร่วมมือนี้ ทั้ง 5 หน่วยงาน มีหน้าที่ดังนี้ พพ. ทำหน้าที่ผลักดันและหามาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ กฟภ. เป็นที่ปรึกษาและอำนวยความสะดวกสำหรับระบบการเชื่อมต่อและจำหน่ายไฟฟ้า กรมโรงงานอุตสาหกรรม ให้คำแนะนำในการยื่นเอกสารที่ถูกต้องเพื่อขอรับใบอนุญาต ธ.ก.ส. สนับสนุนแหล่งทุนสำหรับการขับเคลื่อนของเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดำเนินการพัฒนาและให้ความรู้แก่บุคลากรของชุมชนที่จะมีส่วนในการบริหารจัดการสถานีพลังงานชุมชน และต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มตามห่วงโซ่คุณค่าของสถานีพลังงานชีวมวลชุมชนสำหรับประโยชน์ที่ชุมชนและเกษตรกรในพื้นที่จะได้รับนั้น นอกจากรายได้จากการขายไฟฟ้าและรายได้จากการขายวัตถุดิบเพื่อเป็นเชื้อเพลิง รวมถึงการจ้างงานต่างๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นหมุนเวียนในชุมชนปีละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาทแล้ว ผลพลอยได้ ได้แก่ ถ่านและน้ำส้มควันไม้ก็จะนำมาสร้างรายได้เสริมและใช้ประโยชน์ในการเกษตรในพื้นที่ ช่วยลดการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง ส่วนความร้อนที่เหลือจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าก็ยังสามารถนำกลับมาใช้อบลดความชื้นให้กับผลผลิตทางการเกษตร เป็นการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร และสามารถใช้เพื่อการแปรรูปผลผลิตการเกษตรเบื้องต้นได้ นำไปสู่การพัฒนาให้เกิดเกษตรอุตสาหกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยตามแผนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนการรวมพลังในทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการสร้างความมั่นคงทางพลังงานโดยสนับสนุนการจัดตั้งสถานีพลังงานชีวมวลชุมชน ซึ่งชุมชนเจ้าของพื้นที่และวัตถุดิบมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนในครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และสามารถขยายผลไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อไป







