กามเทพไอที 'กวิน อัศวานันท์'

กามเทพไอที 'กวิน อัศวานันท์'

"เพราะรักแห่งยุคสมาร์ทโฟนฟีเวอร์ไม่เพียงลอยอยู่ในอากาศ แต่ว่ามันยัง… อิน ดิ แอพ "

“กรุงเทพไอที” พาไปพูดคุยกับตัวแทนทีม "นูนสวูน (Noonswoon)" ผู้ชนะเลิศโครงการ “เอไอเอส เดอะ สตาร์ทอัพ วีคเอนท์ 2013” โดย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ต่อมุมมอง แนวคิด และโอกาสทางธุรกิจบนโลกโมบาย อีกหนึ่งดาวเด่นของบริษัท “สตาร์ทอัพ” สัญชาติไทยที่กำลังไต่ระดับสู่อุตสาหกรรม "หาคู่ออนไลน์" ที่มีมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปี...

"กวิน อัศวานันท์" ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท นูนสวูน จำกัด เล่าว่า โมบายแอพพลิเคชั่นที่ชื่อ "นูนสวูน” สร้างขึ้นมาเพื่อเปิดช่องทางและเพิ่มโอกาสให้คนหนุ่มสาววัยทำงานยุคใหม่ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่มีโอกาสพบกับคนพิเศษ

“แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ตรง ประกอบกับคนส่วนใหญ่มีปัญหาเหมือนกันคือมักใช้เวลาไปกับการทำงานสร้างฐานะให้มั่นคง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวมักผ่านไปเร็วมาก กว่าจะรู้ตัวอีกทีอายุก็ล่วงเลยไปมากแล้ว หรือกระเถิบเข้าใกล้คำว่ารถไฟขบวนสุดท้ายมากขึ้นทุกที”

ที่มาของคำว่า “Noonswoon" มาจากการผสมคำ ระหว่าง Noon กับ Swoon คำว่า Noon แปลว่าเที่ยงวัน ส่วน Swoon แปลว่า ความรู้สึกประทับใจหวิวๆ เมื่อพบคนถูกใจ เมื่อนำมารวมกัน Noonswoon จึงหมายถึงความรู้สึกประทับใจที่แอพพลิเคชั่นจะส่งถึงยูสเซอร์ช่วงเที่ยงของทุกๆ วัน ขณะนี้ใช้ได้แล้วกับระบบปฏิบัติการไอโอเอส ส่วนแอนดรอยด์กำลังตามมาเร็วๆ นี้

เขากล่าวถึงคอนเซปต์การทำงานหลักๆ ว่า เวลาเที่ยงของทุกวันแอพจะแนะนำคนโสดหนึ่งคนที่มีความชอบคล้ายคลึงกันให้รู้จัก จากนั้นผู้ใช้มีเวลา 24 ชั่วโมงตัดสินใจเลือกและรอ หากผู้ใช้ 2 คนที่ถูกจับคู่ให้กดไลค์ซึ่งกันและกัน ระบบจะเชื่อมต่อและอนุญาตให้แชทกันได้โดยตรงผ่านตัวแอพ มั่นได้ว่าจะไม่ถูกเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใดๆ ต่อสาธารณะยกเว้นแต่กับคนที่แมชกัน ณ วันนั้นๆ

กวินรับผิดชอบงานส่วนการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ขณะที่ผู้ร่วมทีมและก่อตั้งบริษัทมือฉมังอีก 2 คน “ปีเตอร์ พานาส” ดูแลด้านการพัฒนาธุรกิจ กลยุทธ์ขยายตลาด และการลงทุน ส่วน “ธีรานิตย์ พงค์ทองเมือง” เติมเต็มด้านระบบงานหลังบ้านและอินฟราสตรักเจอร์ จุดแข็งของทีมคือมีแนวคิดและประสบการณ์ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจมาแล้วหลายครั้ง ไม่ใช่เพียงเห็นว่ามีกระแสแล้วจึงลงมือทำ

รักต้องลงทุน

กวินเล่าต่อว่า วางโพสิชั่นไว้ชัดเจนว่าเป็นแอพพลิเคชั่นบนโมบายเพื่อหาคู่ชีวิต ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ชั่วคราว เพื่อคนไทยและเอเชียโดยเฉพาะ จากเดิมที่บริการอยู่บนเว็บไซต์ และสร้างเพื่อชาวยุโรปหรืออเมริกาซึ่งสังคมเปิดกว้าง ต่างกับเอเชียที่มีความต่างด้านวัฒนธรรม และต้องการความเป็นส่วนตัวสูงกว่า

แง่คุณภาพมีกระบวนการและฐานข้อมูลจับคู่บุคคลมากกว่า 1 แสนดาต้า พอยต์ อีกหนึ่งเสน่ห์ของตัวแอพคือ การออกแบบที่สวย แต่เรียบง่าย ใช้งานไม่ยาก

ขณะที่โมเดลการหารายได้ วางไว้ 2 แนวทางคือ ซื้อเครดิตเพื่อใช้งานราคาประมาณ 30 บาทต่อ 10 เครดิต (กดไลค์ได้) ทั้งกำลังพัฒนาบริการแบบรายเดือนราคา 300 บาทใช้ได้ไม่จำกัด กลุ่มเป้าหมายหลักคือคนวัยทำงานอายุระหว่าง 25-35 ปี ส่วนกลุ่มนิสิตนักศึกษาคิดว่าไม่จำเป็น เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่มีโอกาส เช่นเดียวกับพฤติกรรมคนไทยที่มักใช้การศึกษาเป็นตัวนำหาคู่ครอง

“เมื่อลงทุนทำงานเลี้ยงตัวเองได้ ทำไมไม่คิดลงทุนหาคนมาเคียงข้างบ้าง ลักษณะธุรกิจใช้โมเดลแบบเปย์เปอร์ยูสที่ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในเอเชีย แต่ทางฝั่งยุโรปและอเมริกาเฟื่องฟูอย่างมาก แต่ละปีธุรกิจหาคู่ออนไลน์ทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท (4 พันล้านดอลล์)”

ปัจจุบัน มียอดดาวน์โหลด 3 หมื่นครั้ง ผู้ใช้ที่แอคทีฟต่อเดือน 1.2 หมื่นราย ต่อสัปดาห์ 6 พันราย ต่อวัน 3 พันราย ตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปี 2556 จะมีจำนวนการดาวน์โหลดทั้งหมด 8 หมื่นครั้ง สัดส่วนน่าจะเป็นคนไทย 95% ไม่โพสิชั่นให้คนต่างชาติมาหาแฟนเป็นคนไทยมากนัก

ลุยต่ออีก 3ประเทศ

ผู้พัฒนาแอพนูนสวูน กล่าวต่อว่า กับเอไอเอสหวังร่วมเป็นคู่ค้ากันด้านเพย์เมนท์ จากนี้เตรียมทำตลาดเชิงออฟไลน์มากขึ้น โฟกัสกลุ่มคนที่สนใจตรงกัน โดยจะไปตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศ

หลังประสบความสำเร็จในตลาดไทย ภายในสิ้นปีนี้เตรียมขยายฐานสู่ระดับเอเชีย 3 ประเทศ คือสิงคโปร์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดก่อนเข้าไปปักธง ปัจจัยหลักที่นำมาพิจารณามีประเด็นความเชี่ยวชาญของคู่ค้าแต่ละท้องถิ่น นักลงทุน การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และสัดส่วนการใช้งานโมบาย

นอกจากนี้ เนื่องจากเข้าร่วมโครงการกับเอไอเอสทำให้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแม่อย่าง “สิงเทล” ที่มีโอเปอร์เรเตอร์ในเครือ 7 ราย ผลตอบรับที่ได้มีอยู่หลายรายที่สนใจทำธุรกิจร่วมกัน

เขาระบุว่า บริษัทได้จดทะเบียนในประเทศไทยด้วยทุนจดทะเบียน 1.5 ล้านบาท รวมถึงมีบริษัทที่สหรัฐ ขณะนี้มีนักลงทุนจากทั้งไทย สิงคโปร์ และสหรัฐ สนใจร่วมลงทุนเพิ่ม ขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะเลือกรายใด

เชื่อทุกคนมีโอกาส

ด้วยประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างแดนขณะศึกษาปริญญาตรีและโท สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ทั้งมีประสบการณ์การทำงานคลุกคลีวงในเมืองแห่งเทคโนโลยีอันดับ 1 ของโลกอย่าง “ซิลิคอน วัลเลย์” ในตำแหน่งวิศวกรคอมพิวเตอร์ ประจำบริษัทแม่แอ๊ปเปิ้ล อิงค์ และไมโครซอฟท์ รวมถึงก่อตั้งบริษัทของตัวเองที่ล้มเหลวบ้าง ประสบความสำเร็จบ้างทั้งในและนอกประเทศ

กวินมีมุมมองว่า ทุกคนมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน เพราะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใช้มันสมองสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ต้องไปคอยวิ่งขายของ เขาก็เคยล้มลุกคลุกคลาน ประสบความสำเร็จมา 1 ครั้ง ทำโปรเจคเจ๊งมาแล้วกว่า 6 ครั้ง จากหลายปัจจัยขณะนั้น เช่น โอเปอร์เรชั่นและพาร์ทเนอร์ไปไม่ถึง แต่ยังพยายามต่อจนถึงวันนี้

“ประสบการณ์ที่ได้จากตรงนั้นทำให้ผมได้เปิดตากว้างขึ้น การทำงานกับบริษัทระดับโลกทำให้เห็นว่ากระบวนการทำงานจริงที่มากกว่าด้านเทคนิคเป็นอย่างไร สำคัญกว่านั้นแม้แต่คนตัวเล็กๆ เขาก็ทำกันได้ ความล้มเหลวครั้งแรก หรือหลายๆ ครั้งไม่ใช่ตัวชี้วัดของทั้งหมด ที่พบมามีหลายคนประสบความสำเร็จได้ในครั้งที่สอง สาม สี่ หรือมากกว่านั้นเมื่อไม่ละความพยายาม”

พร้อมกับแนะว่า การเริ่มต้นธุรกิจควรมองที่การแก้ปัญหาของคน “ไม่ใช่เมคกิ้งมันนี่” จากนั้นทำความเข้าใจกระบวนการ พร้อมมองหาจุดอ่อน จุดแข็ง จุดต่าง จุดขายที่เป็นของตัวเอง สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นกับโลกที่ยังไม่รู้จักมาก่อน ขอแนะให้เปิดตา เปิดใจ คุยกับเพื่อนและผู้ใหญ่เพื่อวางรากฐานสำหรับก้าวต่อๆ ไป