ซิป้าเร่งแผนสมาร์ทโกรท หนุนภูเก็ตเมืองอัจฉริยะ

ซิป้าเร่งแผนสมาร์ทโกรท หนุนภูเก็ตเมืองอัจฉริยะ

“ซิป้า” เร่งเครื่องภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ ดันโครงการ “สมาร์ทโกรท” หนุนแผนพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

นายประชา อัศวธีระ ผู้จัดการ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ(ซิป้า) สาขาภูเก็ต เผยว่า การจัดทำโครงการภูเก็ตเมืองอัจฉริยะ หรือภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ คืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ

ขณะนี้ โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีใกล้เสร็จ ที่เหลือคือการพัฒนาแอพพลิเคชั่น รวมไปถึงทำงานร่วมกับชุมชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่นเพื่อนำไปปรับใช้จริง

​“งานทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปได้อย่างน่าพอใจ คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในปี 2563 ตามแผน”

อย่างไรก็ดี หนึ่งในงานสำคัญที่จะมีส่วนสำคัญทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยังยืนอย่างโครงการ​สมาร์ท โกรท (Smart Growth) เสร็จไปกว่า 70% คาดว่าภายในเดือนธ.ค.ปีนี้จะยิ่งได้เห็นภาพที่ชัดเจนโดยเฉพาะการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับใช้งาน ส่วนการพัฒนาบุคลากรผ่านโครงการต่างๆ ต้องค่อยๆ ทำไป

โครงการดังกล่าวตั้งงบการลงทุนไว้ประมาณ 43 ล้านบาท ประกอบด้วย 4 ส่วนงานสำคัญคือ 1. การจัดตั้งศูนย์กลางการอบรมผู้ประกอบการหลักสูตรนานาชาติด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมผู้ประกอบการ พัฒนาสมาร์ทลิฟวิ่งคอมมูนิตี้ เพื่อให้ภูเก็ตเป็นเมืองปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ จัดตั้งไอโอที แล็บ สร้างคอมมูนิตี้สำหรับพบปะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ สุดท้าย พัฒนาอีโคซิสเต็มส์ทางเทคโนโลยีพร้อมร่วมสนับสนุนเทคสตาร์ทอัพ

โดยในรายละเอียด ซิป้ากำลังเร่งติดตั้งเซ็นเซอร์อีก 5 จุดสำหรับวัดค่าอากาศเพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม จัดทำระบบติดตามนักท่องเที่ยว การใช้บริการเรือของนักท่องเที่ยว รวมถึงโปรโมชั่นพิเศษทั้งสินค้าและบริการผ่านอีคูปองซึ่งจะนำร่องกับผู้ประกอบการ 1,000 รายในเขตเมืองและป่าตอง

ขณะเดียวกัน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้ประกอบการ เร็วๆ นี้จะดึงผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาร่วมอบรม คาดว่าหลักสูตรแรกจะเริ่มได้วันที่ 16 พ.ย.2559

ด้านแนวทางการทำงาน เน้นร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมไปถึงสมาคมผู้ประกอบการหลักๆ เช่น สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งมีสมาชิกกว่า 400 ราย และสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้

สำหรับแผนงานที่สำคัญของการจัดทำภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ ปี 2560 จะเป็นการต่อยอดจากปีนี้ที่โครงสร้างพื้นฐานเริ่มพร้อม โดยไฮไลต์จะมีทั้งการจัดทำ “ซิตี้ ดาต้า แพลตฟอร์ม” หรือฐานข้อมูลกลางของเมือง เฟสแรกเน้นที่การบรูณาการข้อมูลประชากรแบบเรียลไทม์ ทั้งส่วนของคนท้องถิ่น คนที่มาทำงาน และนักท่องเที่ยว เพื่อเป้าหมายยกระดับการบริหารจัดการเมืองให้มีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนั้น การพัฒนาด้านเทคโนโลยี โดยเตรียมพัฒนาเรื่องอินเทอร์เน็ตเซ็นเซอร์และไอโอทีเพื่อการเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ในมิติต่างๆ
ตลอดจนพยายามดึงภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาร่วมลงทุน ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาโมเดลที่เหมาะสมและความเป็นไปได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย เบื้องต้นมี 2 รูปแบบคือ จ่ายเป็นค่าบริหารจัดการสำหรับบริการที่ไม่เกิดรายได้ และแบ่งรายได้กันสำหรับบริการที่มีรายได้ ขณะนี้ที่ให้ความสนใจจะทำงานร่วมกันมีทั้งจากประเทศเกาหลีใต้ และบริษัทผู้ติดตั้งระบบรายใหญ่ 4 ราย

อย่างไรก็ดี ที่น่าดีใจคือขณะนี้มีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการท้องถิ่นจำนวน 25 รายจัดตั้งบริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ผู้ประกอบการเหล่านี้จะเข้ามาช่วยสนับสนุนงานด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เชื่อด้วยว่าจะมีส่วนสำคัญช่วยขับเคลื่อนให้แผนงานในภาพรวมเกิดความคืบหน้าได้มากขึ้นตามลำดับ

ขณะที่ การเปลี่ยนผ่านผู้บริหารระดับสูงไม่ได้มีปัญหา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตคนใหม่พร้อมสานต่องาน ทั้งได้มอบหมายงานมาให้ 3 อย่างคือ พัฒนาสมาร์ทไวไฟให้ครอบคลุมโดยเร็ว จัดทำซิตี้แพลตฟอร์ม และพัฒนาเรื่องสมาร์ทเซฟตี้

พร้อมระบุว่า การพัฒนาของภูเก็ตไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจากได้กำหนดแผนงาน งบประมาณไว้ชัดเจน ขณะเดียวกันเป็นงานระดับชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ส่วนเมืองอื่นๆ ก็เริ่มมีความพร้อม คาดว่าเชียงใหม่ และขอนแก่นจะเริ่มทำได้ภายในปี 2560

ทั้งนี้ ความยากของการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องการบริหารจัดการเมือง และการนำเทคโนโลยีที่มีไปปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการของท้องถิ่นนั้นๆ โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน