เทนเซ็นต์ส่ง “วีทีวี” สู้ศึกสตรีมมิ่ง ปักธงตลาดไทยที่แรกนอกแผ่นดินจีน
เทนเซ็นต์ต่อยอดบริการคอนเทนต์ในตลสดไทยหลังส่งจู๊กซ์-พับจีนำร่อง ล่าสุดเข็น “วี ทีวี” แอพดูวีดีโอสตรีมมิ่งลงตลาด เสิร์ฟซีรี่ส์จีน ละครไทย วาไรตี้ระบบพรีเมี่ยมคิดค่าบริการรายเดือนต่ำสุดแค่ 59 บาท มองตลาดยังมีรูมขยายตัวอีกมาก
นายกฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่เทนเซ็นต์เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2555 โดยมีบริการวีแชท ซึ่งจะเน้นเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและบริการคอนเทนต์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของบริโภคออนไลน์ โดยปัจจุบันได้แบ่งบริการออกเป็น 3 ประเภทได้ ข่าวผ่านเว็บไซต์สนุกดอทคอม , บริการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มัลติมีเดีย แพลตฟอร์มผ่านจู๊กซ์ แอพพลิเคชั่นฟังเพลง และบริการเกม ได้แก่ พับจี ล่าสุดเทนเซ็นต์ได้เปิดตัว วีทีวี (WeTV) แอพพลิเคชั่นบริการวีดีโอสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มแบบฟรีเมี่ยม หรือมีทั้งให้รับชมฟรี และแบบบริการสมาชิกราคาค่ำสุดเดือนละ 59 บาทไปจนถึง 389 บาทต่อสามเดือน
โดยวีทีวีจะมีคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟจากเทนเซ็นต์ เพนกวิน สตูดิโอในประเทศจีนอยู่ในแอพมากกว่า 200-300 เรื่อง มีรายการจากพันธมิตรละครไทย และรายการวาไรตี้ ซึ่งการเปิดวีทีวีนี้ เทนเซ็นต์เลือกไทยเป็นประเทศแรกที่ทำตลาดนอกประเทศจีน หลังจากที่เทนเซ็นต์ได้เปิดตัว เทนเซ็นต์ วีดีโอไปเมื่อปี 2554 และในเลาราว 6 ปีจนขึ้นมาเป็นแอพวีดีโอสตรีมมิ่งอันดับ 1 ในจีนโดยมียอดผู้ใช้งานแอ็คทีฟ ยูสเซอร์ 500 ล้านคนต่อเดือน โดยในปี 2561 มียอดผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น 40% โดยมีการลูกค้าออกเป็นแบบสมาชิกฟรีเมี่ยม และแบบวีไอพี คือชำระค่าบริการรายเดือน ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว 89 ล้านคนเติบโตจากปีที่ผ่านมา 58% ในส่วนของโครงสร้างรายได้มาจากการสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น 65% และรายได้จากการโฆษณาที่เพิ่มขึ้นถึง 21%
เขา เสริมว่า สาเหตุที่เทนเซ็นต์เลือกไทยเป็นประเทศแรกในการทำตลาดเพราะด้วยจำนวนของฐานลูกค้าที่เทนเซ็นต์มีอยู่ผ่านบริการทั้ง 3 ดังกล่าวคิดเป็นลูกค้าเท่ากับจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ราว 30 กว่าล้านคน ประกอบกับประเทศไทยมีศักยภาพในการทำตลาดมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมากจากจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือเฉลี่ย 9 ชั่วโมงต่อวัน ใช้สำหรับดูวีดีโอ ทีวีสตรีมมิ่งถึง 3.44 ชั่วโมงต่อวัน ฟังเพลงบนมือถือ 1.4 ชั่วโมงต่อวัน และ 95% ของผู้ใช้มือถือต่างก็เคยใช้งานสำหรับวีดีโอสตรีมมิ่งด้วย เทนเซ็นต์จึงมองว่าการส่งวีทีวีเข้ามาทำตลาดจะถือเป็นอีกทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค
“เรามีสถิติว่าปัจจุบันมีผู้รับชมคอนเทนต์ที่เป็นสตรีมมิ่งแบบไม่ถูกลิขสิทธิ์ถึง 49% ดังนั้น เรามองเห็นโอกาสในการเข้ามาเป็นทางเลือกให้เขา เราจะชูจุดเด่นเรื่องคอนเทนต์จีน ซีรี่ส์จีนระบบพรีเมี่ยม ซึ่งคอหนังจีนในไทยก็น่าจะมีอยู่แล้ว และจะพยายามสร้างการรับรู้ในแบรนด์ ซึ่งจากที่เราทดลองให้บริการไปตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่ผ่านมา พบว่ามียอดการใช้งานที่น่าพอใจ แต่ทั้งนี้ยังไม่ขอตั้งเป้าหมายที่เกี่ยวกับจำนวนยอดสมาชิกวีไอพีหรือส่วนแบ่งทางการตลาดขอรอดูผลตอบรับก่อน”
เขา เสริมว่า แม้ว่าขณะนี้ ในตลาดไทยจะมีคู่แข่งรายอื่นอยู่แล้ว แต่เราก็มั่นใจว่าวีทีวีสามารถทำตลาดได้และวีทีวีไม่ได้มาช้าเกินไป อย่างไรก็ดี ตลาดวีดีโอสตรีมมิ่งในไทยในความเห็นส่วนตัวยังคงเป็นบลู โอเชี่ยน มีโอกาสเติบโตได้อย่างมากจากกำลังการซื้อของผู้บริโภค และการขยายตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ สิ่งที่ผู้ให้บริการต้องคำนึงให้ดีคือการเลือกคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการ มีความเอ็กซ์คลูซีฟ มีพันธมิตรคอนเทนต์ให้หลากหลาย และมีการทำโปรโมชั่นรวมกับโอเปอเรเตอร์มือถือ เพื่อบันเดิลแพคเก็จให้มีความคุ้มค่าและสร้างแรงดึงดูดให้ผู้บริโภคให้ได้