วิกฤติฝุ่น PM 2.5 รับมือด้วยเทคโนโลยีคนไทย

 วิกฤติฝุ่น PM 2.5 รับมือด้วยเทคโนโลยีคนไทย

ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ นักเทคโนโลยี สวทช.แชร์ข้อมูลการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยแก้ปัญหาวิกฤติฝุ่น PM 2.5 เช่น การใช้เทคโนโลยีไฟฟ้าสถิตดักจับฝุ่นละออง PM 2.5 และ อุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบพกติดตัว ทั้งสองผลงานโดยศูนย์ NSD

ตื่นเช้ามาสิ่งแรกที่ผมทำคือ มองออกไปนอกหน้าต่างคอนโด เพื่อเช็คว่าท้องฟ้าเหนือกรุงเทพมหานครเป็นสีอะไร ปรากฏว่าช่วงตั้งแต่เริ่มต้นปี 2563 เป็นสีเทาคล้ายหมอกปกคลุมแทบทุกวัน ผลมาจากปริมาณฝุ่น PM2.5 ในอากาศเกินมาตรฐานไปมาก ล่าสุดศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองประจำวัน โดยกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง พบว่าเกินมาตรฐาน (มาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จำนวน 35 พื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ เรียกได้ว่า ฝุ่น PM 2.5 ครั้งนี้รุนแรงทั่วทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ เลยทีเดียว

สาเหตุที่ช่วงนี้มีฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน บ้างก็ว่ามาจากอากาศปิด ทำให้ฝุ่นที่มาจากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล และกิจกรรมต่างๆ เช่น การจุดธูป การประกอบอาหารปิ้งย่าง ฯลฯ ไม่สามารถลอยสูงหรือพัดพากระจายออกไปได้ วิกฤติครั้งนี้ถึงขั้น กทม.ต้องสั่งปิด 437 โรงเรียน 1 วัน เมื่อวันพุธกลางสัปดาห์ (22 ม.ค.) เพื่อลดปริมาณยานพาหนะบนท้องถนน

อ่านข่าว-ยังอยู่! ฝุ่นพิษ PM2.5 กรุงเทพฯ เกินมาตรฐาน 10 พื้นที่ 

157969655252

มาดูมาตรการการแก้ปัญหาฝุ่นในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งวิกฤติฝุ่นหนักหนากว่าเราหลายเท่าแต่ก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างน่าชื่นชม ประเทศจีนพยายามแก้ปัญหาโดยกำจัดต้นตอของแหล่งกำเนิดฝุ่น ล่าสุดในเดือน มิ.ย.2561 ได้ออก China VI emission standard กำหนดให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ที่วางจำหน่ายในตลาดหลัง ก.ค.2564 จะต้องติดตั้งเครื่องกรองฝุ่นจากดีเซล คาดว่าจะช่วยลดการปล่อย PM 2.5 จากรถบรรทุกได้มากถึง 82% ภายในปี 2573 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า

มีหลายหน่วยงานในประเทศที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบในการออกนโยบายการป้องกันหรือการบำบัดฝุ่น แต่ต้องมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้วย จึงจะทันการณ์ ทั้งนี้ ทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ปัญหาฝุ่น โดยมีทีมงานนำเทคโนโลยีต่างๆ ที่เหมาะสมมาช่วยจัดการกับปัญหาฝุ่น เช่น พัฒนาเครื่องกรองฝุ่นละออง PM 2.5 ด้วยเทคโนโลยีไฟฟ้าสถิต (IonFresh) โดยใช้หลักการของเทคโนโลยีการตกตะกอนเชิงไฟฟ้าสถิต (ESP: Electrostatic Precipitator) วิจัยและพัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ (NSD) เหมาะกับการใช้งานในบริเวณที่มีฝุ่นละอองปริมาณสูงทั้งภายในหรือภายนอกอาคาร โดยแผ่นกรองที่ใช้ดักจับฝุ่นสามารถนำมาทำความสะอาดเพื่อใช้ซ้ำได้ นอกจากนี้อุปกรณ์ส่วนประกอบทั้งหมดผลิตได้จากวัตถุดิบภายในประเทศอีกด้วย

157969697545

(ภาพ : ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ นำเสนอ MyAir : เครื่องประดับตรวจวัดฝุ่น)

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่สำคัญคือ อุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศด้วยระบบเซ็นเซอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลก (MyAir) พัฒนาโดยศูนย์ NSD เป็นอุปกรณ์ขนาดพกติดตัวได้ โดยสามารถออกแบบให้เป็นเครื่องประดับที่ตรวจวัดค่าฝุ่นด้วยเซ็นเซอร์แบบกระเจิงแสงขนาดเล็ก ใช้เทคนิคของการผ่านฝุ่นด้วยไมโครปั๊มชนิดเปียโซอิเล็กทริก และตรวจค่าฝุ่นด้วย AQI เพื่อการแจ้งแบบฐานเวลาจริง ... เทคโนโลยีคนไทยเหล่านี้ถ้าเราผลิตและติดตั้งให้ทั่วทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ และใช้อย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

*บทความโดย ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์ สวทช., สมาคมวิจัยวัสดุประเทศไทย

เครื่องไอออนเฟรช
ต้นแบบเครื่องไอออนเฟรชมีขนาดความกว้าง 1 เมตร สูง 1 เมตร มีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ประมาณ 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภายนอกหรือพื้นที่ควบคุม ซึ่ง NSD พร้อมมอบองค์ความรู้ทั้งหมดให้กับภาคเอกชน องค์กรหรือสถาบันใดที่สนใจดังกล่าวไปผลิตเพื่อใช้ในพื้นที่ของหน่วยงานของตนเอง 

157969666623


รูปแบบการทำงานของเครื่องไอออนเฟรชจะเป็นการสร้างประจุบวกให้ไปจับกับฝุ่นละออง จากนั้นอนุภาคของฝุ่นละอองที่มีประจุบวกจะถูกดูดเข้าไปติดที่แผ่นโลหะซึ่งมีประจุลบภายในเครื่อง อากาศที่ออกมาจึงเป็นอากาศสะอาด จุดเด่นของเครื่องไออนเฟรช คือ สามารถกรอง ฝุ่น PM 2.5 และเมื่อฝุ่นละอองเกาะเต็มแผ่นโลหะสามารถถอดไปล้างทำความสะอาดแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ที่สำคัญการกรองฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตสามารถออกแบบแผงกรองฝุ่นให้ลมผ่านง่าย ไม่ลดแรงลมในการดูดกรองฝุ่นละออง ทำให้พัดลมดูดฝุ่นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ประหยัดไฟฟ้า