ทศวรรษแห่งยุค ‘ข้อมูล’ หัวใจหมุนโลกนวัตกรรม
ข้อมูลคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้วงล้อของนวัตกรรมหมุนไป
การก้าวเข้าสู่ปี 2563 เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าน่าตื่นเต้น เพราะนี่คือปีที่หลายคนคาดการณ์ไว้ว่า จะเป็นการมาถึงของเหตุการณ์สำคัญด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้ง ‘ยานยนต์อัตโนมัติ’ ที่จอดเรียงรายอยู่บนถนน ไปจนถึง ‘ผู้ช่วยเสมือน’ (virtual assistants) ที่คาดเดาล่วงหน้าถึงความต้องการของเรา และพร้อมดำเนินการตามการร้องขอ ไปจนถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอัจฉริยะจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงเข้าหากัน
และเมื่อหยุดคิดถึงสิ่งที่ประสบความสำเร็จช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เรียกได้ว่า เป็นสิ่งที่น่าสนใจพอสมควร เมื่อเรายังไม่มียานยนต์อัตโนมัติวิ่งไปกลับบนถนนหนทางต่าง ๆ ผู้ผลิตยานยนต์ต่างกำลังเดินหน้า เพื่อเข้าใกล้ยานยนต์ที่เป็นอัตโนมัติในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ดีไวซ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ระบบและแอพพลิเคชั่นจำนวนมาก รวมไปถึงแอพพลิเคชันด้านเฮลธ์แคร์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม ตลอดจนระบบด้านการเงินที่เราใช้ ต่างถูกเชื่อมต่อและทำให้กลายเป็นอัจฉริยะก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า as “the edge.”
บิ๊กดาต้าและพลังประมวลผล
‘เจฟฟ์ คลาร์ก’ ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ และรองประธาน เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า สิ่งที่อยู่ที่ฐานรากของทุกนวัตกรรม และความก้าวหน้า คือ ข้อมูลมหึมาจำนวนมหาศาล พร้อมพลังการประมวลผล ไปจนถึงความสามารถการทำงานข้ามโครงสร้างพื้นฐานของอุปกรณ์ปลายทาง ไปยัง ‘คลาวด์’ และ ‘คอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์’ เพื่อดึงข้อมูลไปพร้อมการทำงานของมัน และด้วยจำนวนข้อมูลอันมหาศาลที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาเราในอีก 10 ปีข้างหน้า เราทำได้เพียงจินตนาการว่าโลกที่อยู่รอบตัวเราจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อถึงปี 2573 ด้วยแอพพลิเคชั่นและบริการต่างๆ ที่แม้กระทั่งเราก็ยังไม่เคยนึกไปถึง
"ปี 2563 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่พวกเราเดลล์ เทคโนโลยีส์เรียกว่า ทศวรรษหน้าของข้อมูล (Next Data Decade) และไม่ต้องสงสัย เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ด้วยความคาดหวังใหม่ๆ อย่างเต็มเปี่ยมถึงสิ่งที่เทคโนโลยีสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน และการใช้งานเพื่อการพักผ่อน"
เช่นนั้นแล้ว อะไร คือ เทคโนโลยีเทรนด์และการพัฒนาหรือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่จะเป็นตัวบ่งบอกถึงรูปแบบของสิ่งที่จะเข้ามาในอีก 10 ปีข้างหน้า และนี่คือการคาดการณ์ (predictions) ถึงสิ่งที่กำลังจะมาถึงในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปีที่พิสูจน์ว่า ถึงเวลาที่ต้องทำให้ไอทีเป็นเรื่องที่ง่าย
ดาต้าขับเคลื่อนนวัตกรรม
เจฟฟ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีสิ่งที่เรียกว่าข้อมูล (data) จำนวนมหาศาลอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็น บิ๊ก ดาต้า หรือเมตะ ดาต้า (meta data) เป็นข้อมูลที่มีโครงสร้าง (structured) หรือข้อมูลหลากหลายแบบไม่มีโครงสร้าง (unstructured data) ประกอบด้วยข้อมูลใน ‘คลาวด์’ ใน ‘อุปกรณ์ที่อยู่ปลายทาง’ ไปจนถึงใน ‘ดาต้าเซ็นเตอร์หลัก’ หรือทุกๆ ที่
อย่างไรก็ตาม องค์กรธุรกิจต่างดิ้นรนที่จะทำให้แน่ใจว่า ข้อมูลที่ใช่จะถูกส่งไปที่ที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งการเริ่มต้นของปี 2563 นี้ ซีไอโอจะหันมาปรับทำให้การมองเห็นข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในลำดับบนสุด เพราะถึงที่สุดแล้ว ข้อมูลคือสิ่งที่ขับเคลื่อนให้วงล้อ (flywheel) ของนวัตกรรมหมุนไป
เราจะเห็นองค์กรธุรกิจเร่งการปฏิรูปทางดิจิทัล (digital transformation) ด้วยการทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเรียบง่าย และเป็นอัตโนมัติมากขึ้น รวมทั้งจะหลอมรวมระบบและการบริการให้เป็นโซลูชั่นแบบองค์รวม (holistic) สามารถควบคุมได้มากขึ้น เพิ่มความสามารถให้ข้อมูล ในการที่จะถูกนำไปใช้ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเอไอ และแมชชีน เลิร์นนิ่ง ในการขับเคลื่อนไอทีโดยอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจดีขึ้น เร็วขึ้น ทำให้นวัตกรรมของทศวรรษหน้าเติบโตต่อไป
คลาวด์ จะใหญ่และครอบคลุม
แนวคิดที่ว่า ‘ไพรเวทคลาวด์’ และ ‘พับบลิคคลาวด์’ ไม่เพียงจะสามารถอยู่ร่วมกันจนกลายเป็นภาพของความเป็นจริงในปี 2563 นี้ กลยุทธ์ไอที มัลติ-คลาวด์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาปัตยกรรมไฮบริดคลาวด์จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจในการมองเห็น และการจัดการข้อมูลที่ดีกว่าให้กับองค์กรธุรกิจ ขณะที่ สร้างความเชื่อมั่นว่าข้อมูลทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้และยังคงปลอดภัย
ไอดีซี ทำนายว่า ในปี 2564 องค์กรธุรกิจในระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ กว่า 90% ทั่วโลก จะพึ่งพาการผสมผสานระหว่างคลาวด์ที่เป็น on-premises กับไพรเวทคลาวด์ที่กำหนดไว้ใช้งานเฉพาะส่วน ไปจนถึงพับบลิคคลาวด์หลายแห่ง และแพลตฟอร์มเดิม (legacy platform) ในการตอบสนองต่อความต้องการโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขา
ขณะที่ รูปแบบของการใช้ซอฟต์แวร์แบบบริการ (SaaS) และการใช้งานคลาวด์กำลังเพิ่มมากขึ้น ทั้งการนำไปใช้และความนิยม รวมถึงการเชื่อมต่อ 5จี ก็กำลังสร้างรูปแบบการใช้งานใหม่ และความเป็นไปได้ต่างๆ สำหรับการบริการเฮลธ์แคร์ บริการทางการเงิน ทางการศึกษา และในอุตสาหกรรมการผลิต
อุปกรณ์อัจฉริยะเปลี่ยนการทำงาน
เจฟฟ์ กล่าวถึงนวัตกรรมด้านพีซีด้วยว่า ยังคงขยายแนวเขตทั้ง ‘รูปลักษณ์’ และประสิทธิภาพใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ตั้งแต่หน้าจอที่ให้ความสมจริง ขนาดใหญ่ ขณะที่ฟอร์มแฟคเตอร์ขนาดเล็กลงกว่าเดิมเพรียวบางขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ทำงานเป็นหัวใจของพีซีที่ปรับเปลี่ยนได้มากกว่าที่เคย ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชันที่ใช้เอไอ และแมชชีน เลิร์นนิ่ง สร้างระบบที่ปัจจุบันสามารถรู้ได้ว่าเมื่อไหร่ หรือจุดที่ควรต้องเพิ่มพลัง และขีดความสามารถในการประมวลผล โดยขึ้นกับรูปแบบการใช้งานเป็นสำคัญด้วยระบบไบโอเมทริกซ์
ปีนี้ความก้าวหน้าต่างๆ ด้านเอไอ และแมชชีน เลิร์นนิ่งจะเปลี่ยนพีซีของเราให้สมาร์ทเพิ่มขึ้นและทำงานร่วมกันได้มากขึ้น ขณะที่ นวัตกรรมแบบยั่งยืนจะยังคงเป็นศูนย์กลางต่อไป จากการที่องค์กรต่างๆ ต้องการสร้างความมั่นใจว่า ผลกระทบที่พวกเขามีต่อโลกจะไม่มาพร้อมกับสิ่งที่เป็นอันตรายต่อโลกใบนี้ การลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นในการด้านการรียูส และการทำรีไซเคิลเพื่อนวัตกรรมในแบบวงปิด จะเร่งความเร็วให้ฮาร์ดแวร์ที่ขนาดเล็กลงกว่าเดิม แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมทั้งสร้างขึ้นด้วยสินค้ารีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ รวมทั้งลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ (eWaste) ขณะที่ใช้วัสดุที่มีอยู่เดิมแล้วให้มากที่สุด
"ผมเชื่อมั่นและรู้สึกตื่นเต้นถึงสิ่งที่อนาคตกำเอาไว้ในมือ ย่างเก้าต่อๆ ไปที่องค์กรต่างๆ จะเดินไปในปีนี้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากข้อมูลที่มีอยู่จะกำหนดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ที่ทุกคนจะได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การรักษาทางการแพทย์ที่เร็วขึ้น และอากาศที่สะอาดขึ้น และก่อนที่เราจะรู้ถึงสิ่งนั้น เรากำลังรอสิ่งที่กำลังจะตามมาในอีก 10 ปีข้างหน้านี้" เจฟฟ์ ทิ้งท้าย