ทรู ชูวิสัยทัศน์ 'True 5G อัจฉริยภาพสู่โลกใหม่ที่ยั่งยืน'
มุ่งสร้างโลกใหม่ ดึงอัจฉริยภาพในตัวคนไทยทุกคน ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะแบบ True 5G ด้วยความครบที่เหนือกว่า ทั้งคลื่นถึง 7 ย่านความถี่ พันธมิตรระดับโลก กับโซลูชันและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
กลุ่มทรู ผู้นำดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบวงจร ชูวิสัยทัศน์ True 5G อัจฉริยภาพสู่โลกใหม่ที่ยั่งยืนของเรา มุ่งนำอัจฉริยภาพของเทคโนโลยี 5G เติมเต็มการใช้ชีวิตในทุกมิติ เพื่อก้าวสู่โลกใหม่ที่ยั่งยืน ด้วยความเชื่อว่า เครือข่าย True 5G จะไม่เป็นเพียงแค่สัญญาณมือถือ แต่เป็นสัญญาณยกระดับศักยภาพของประเทศ ให้มีอัจฉริยภาพเหนือกว่าอย่างยั่งยืนด้วยเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G ผู้นำเครือข่ายที่ดีที่สุด
พร้อมนำคลื่น 5G ที่ประมูลได้มาอย่างคุ้มค่าทั้งย่าน 2600 MHz และ 26 GHz ร่วมกับคลื่น 700 MHz เดิมและคลื่นอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว มาเสริมศักยภาพคลื่นทรูให้แข็งแกร่ง ย้ำภาพผู้นำที่มีคลื่นครบมากสุดในอุตสาหกรรม และครอบคลุมถึง 7 ย่านความถี่ ผนวกผู้นำพันธมิตรที่โดดเด่นทั้งในประเทศและระดับโลกอย่างไชน่าโมบายล์ โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ มีลูกค้ามากที่สุดในโลก และเปิดให้บริการ 5G บนคลื่น 2600 MHz เป็นรายแรกของโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของกลุ่มทรูที่พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ผสานจุดเด่นที่เหนือกว่าในด้านความเป็นผู้นำดิจิทัลเทคโนโลยีและโซลูชันที่มีระบบนิเวศด้านดิจิทัลครบวงจรรายเดียวในไทย
จัดเต็ม โซลูชันและเทคโนโลยีอัจฉริยะทั้ง AI, Robotics, Deep Data Analytics และ Smart IoT ทำให้มั่นใจว่า True 5G จะเป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่พร้อมสร้างโลกใหม่ที่ยั่งยืนเพื่อให้คนไทยเป็นที่หนึ่งไปด้วยกัน ปูรากฐานสำคัญในการใช้เทคโนโลยี 5G ยกระดับประเทศไทย เสริมศักยภาพการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่อย่างยั่งยืน
นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการพาณิชย์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ด้วยวิสัยทัศน์ “True 5G อัจฉริยะภาพสู่โลกใหม่ที่ยั่งยืนของเรา” กลุ่มทรูมีเจตนารมณ์และมุ่งมั่นนำอัจฉริยะของเทคโนโลยี 5G มาสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไทยและประเทศไทย มุ่งสู่โลกใหม่ที่มีความยั่งยืน โดยต่อยอดความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าของกลุ่มทรูในฐานะผู้นำเทคโนโลยีและโซลูชัน ที่จะนำเทคโนโลยี 5G มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ที่เป็นจริงได้ จากคลื่นความถี่ 5G ที่กลุ่มทรูประมูลมาได้อย่างคุ้มค่าตามที่ได้ประเมินไว้
การประมูลในครั้งที่ผ่านมาล่าสุดนี้ กลุ่มทรูชนะประมูลได้คลื่น 2600 MHz จำนวน 90 เมกะเฮิรตซ์ และ 26 GHz จำนวน 800 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งคลื่น 2600 MHz และ 26 GHz นั้น จะเป็นคลื่นที่ให้บริการ 5G ที่ดีที่สุด อีกทั้งยังประมูลมาได้ในราคาที่เหมาะสม นับได้ว่าครั้งนี้กลุ่มทรูประมูลได้ “คลื่นที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุด” ตามแผนที่วางไว้ เพื่อมาร่วมใช้กับคลื่น 700 MHz ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะสร้างความคุ้มค่าทั้งสำหรับนักลงทุนและลูกค้าของกลุ่มทรู อีกทั้งยังย้ำภาพความเป็นผู้นำเครือข่ายที่ดีที่สุดของกลุ่มทรูที่มีคลื่นครบสุดและครอบคลุมสุด โดยทรูเป็นโอเปอเรเตอร์รายเดียวที่มีคลื่นครบถึง 7 ย่านความถี่ โดยเฉพาะย่านความถี่ต่ำที่หลากหลายมากที่สุดและมีแบนด์วิธมากที่สุด ทั้ง คลื่น 700 MHz, 850 MHz และ 900 MHz รวมทั้งยังมีคลื่นความถี่กลางทั้ง 1800MHz, 2100 MHz, 2600 MHz และคลื่นความถี่สูง 26 GHz
นายสุภกิจ กล่าวเสริมว่า สำหรับการให้บริการ 5G นั้น ทรูมีความพร้อมสูงสุด ทั้งด้านความเป็นผู้นำด้านเครือข่ายที่ดีที่สุดของกลุ่มทรูที่มีคลื่นครบและครอบคลุมที่สุด ผสานกับจุดเด่นในเรื่องความครบครันของพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและระดับโลก อย่างไชน่าโมบายล์ พันธมิตรผู้ถือหุ้นของทรู ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของโลก ที่มีฐานลูกค้ามากที่สุดในโลก 925 ล้านราย และเปิดให้บริการ 5G เป็นรายแรกของโลก บนคลื่นความถี่ 2600 MHz ที่พร้อมสนับสนุนทั้งในด้านองค์ความรู้ ความชำนาญ และ Best Practice
รวมถึงพันธมิตรด้านเน็ตเวิร์คและดีไวซ์ ตลอดจนความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลเทคโนโลยีของกลุ่มทรูที่ครบวงจรรายเดียวในประเทศ ที่มีโซลูชันและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทั้ง AI, Robotics, Deep Data Analytics และ Smart IoT มั่นใจว่าจะสร้างความเหนือชั้นของเทคโนโลยีอัจฉริยะแบบ True 5G ที่พร้อมเสริมและดึงอัจฉริยภาพในตัวคนไทยทุกคน เพื่อสร้างโลกใหม่ที่ยั่งยืนในหลากหลายมิติ พร้อมชวนคนไทยร่วมเป็นทรู #First 5G Citizen เช่นเดียวกับ 5 ฮีโร่ต้นแบบที่เชื่อมั่นในอัจฉริยภาพของ True 5G ที่เป็นมากกว่าสัญญาณมือถือ แต่เป็นสัญญาณยกระดับศักยภาพของประเทศ และวันนี้ ทรูพร้อมแล้วที่จะให้ชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานจริงบนเครือข่ายอัจฉริยะ True 5G บนคลื่น 2600 MHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่เดียวกับที่ชนะการประมูล ณ ทรูช้อป และทรูสเฟียร์ 11 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์ซอย 2, ซอย 3, พารากอน, ดิจิทัลเกตเวย์, เซ็นทรัลเวิลด์,ไอคอนสยามและเอ็มควอเทียร์ รวมทั้ง สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน 4 สถานี ได้แก่ วัดมังกร, สามยอด, สนามไชย และอิสรภาพ
นายโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า โลกใหม่ของ 5G ที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่แค่เรื่องของเครือข่ายหรือความเร็วเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่จะช่วยยกระดับการดำเนินชีวิตในทุกมิติ สร้างโลกใหม่ที่ยั่งยืนของทุกคน พร้อมพาคนไทยและประเทศไทยเป็นที่หนึ่งไปด้วยกัน ถ่ายทอดผ่านแคมเปญสื่อสารชุดใหม่ที่สะท้อนวิสัยทัศน์ True 5G อัจฉริยภาพสู่โลกใหม่ที่ยั่งยืนของเรา ผ่าน 5 คนดังที่มีภาพลักษณ์ความเป็นฮีโร่ต้นแบบในด้านต่างๆ ที่พร้อมจะนำเทคโนโลยีอัจฉริยะของ True 5G ร่วมเปลี่ยนประเทศของเราให้ดีขึ้น
ได้แก่ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ในฐานะจิตอาสาด้านสังคมสงเคราะห์ที่ทำงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยมานานกว่า 30 ปี เป็นต้นแบบด้านความปลอดภัย (World of Security) สะท้อนประโยชน์ของ 5G ที่จะ “เปลี่ยนทุกการช่วยเหลือให้ทันท่วงที” เฌอปราง อารีย์กุล เกิร์ลกรุ๊ป BNK48 ที่ได้ชื่อว่าเป็นเยาวชนต้นแบบด้านการศึกษา (World of Education) สิ่งที่จะทำให้ประเทศดีขึ้นคือการลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างเด็กในเมืองและเด็กชนบท ซึ่งสะท้อนประโยชน์ของ 5G ที่จะ “เปลี่ยนทุกการศึกษาให้เท่าเทียม”, อเล็กซ์ เรนเดลล์ นักแสดงหนุ่มหัวใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ฝันจะให้เด็กๆ และคนเมืองเข้าใจ รู้สึกหวงแหน พร้อมร่วมกันปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมให้มีความสมดุล เป็นต้นแบบด้านเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม (World of Agriculture and Environment) สะท้อนประโยชน์ของ 5G ที่จะ “เปลี่ยนทุกระบบนิเวศให้สมดุล”,
“หมอเจี๊ยบ” ลลนา ก้องธรนินทร์ อดีตนางสาวไทย นักแสดง และแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Let’s Be Heroes เพื่อช่วยเหลือคนในพื้นที่ห่างไกล ต้นแบบด้านสุขภาพ (World of Health and wellness) สะท้อนประโยชน์ของ 5G ที่จะ“เปลี่ยนทุกการดูแลให้ทั่วถึง” และ “ไอซ์” พาริส อินทรโกมาลย์สุต นักแสดงและนักร้องคลื่นลูกใหม่ที่มีความฝันที่จะส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในทุกพื้นที่ผ่านเสียงเพลง เพื่อเป็นแรงใจให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคและทำตามความฝันของตนเองจนสำเร็จ เป็นต้นแบบด้านความบันเทิง (World of Entertainment) สะท้อนประโยชน์ของ 5G ที่จะ “เปลี่ยนทุกแรงบันดาลใจให้ไร้ขอบเขต” สำหรับแคมเปญชุดนี้จะเริ่มเผยแพร่ผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์และ YouTube ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป