‘บราเดอร์’ หวังเติบโตสวนกระแสไอที

ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของบราเดอร์กว่า 60% เป็นกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและคอร์ปอเรท กลุ่มเครื่องพิมพ์เลเซอร์ยังเป็นสินค้าเรือธง อ้างอิงจากข้อมูลของบริษัทวิจัยจีเอฟเค บราเดอร์ครองส่วนแบ่งทางการตลาดติดอันดับท็อป 3 ในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มโมโนเลเซอร์พรินเตอร์ โดยปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 38% กลุ่มโมโนเลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ 56% และกลุ่มคัลเลอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ 33%

ด้านกลุ่มอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ ยังเกาะกลุ่ม 1 ใน 3 ผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 17% และปีนี้จะยิ่งเพิ่มสีสันในการทำตลาดรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่ง ที่สำคัญใช้ความโดดเด่นด้านงานบริการหลังการขายมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือเพื่อเพิ่มรายได้

อย่างไรก็ดี แม้ภาพรวมธุรกิจเครื่องพิมพ์ในประเทศไทยยังทรงตัว แต่บราเดอร์สามารถทำส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตเพิ่มขึ้น จากการปรับกลยุทธ์ของแบรนด์ที่มีความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์ พร้อมมีการทรานส์ฟอร์มใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ธุรกิจ การบริหารจัดการ และการพัฒนาบุคลากร

“ด้วยกลยุทธ์ 3ซี ที่มุ่งโฟกัส ลูกค้า ช่องทางการจัดจำหน่าย ไปจนถึงตัวองค์กรทำให้ในปีงบประมาณ 2562 บริษัทจะสามารถเติบโตแบบสวนกระแสถึง 5 %”

พร้อมระบุว่า บราเดอร์ เตรียมเดินหน้าสร้างมิติใหม่ให้วงการไอที โดยการจับมือแบรนด์ดังต่างๆ จัดทำแคมเปญการตลาดเพื่อขยายการรับรู้สู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ด้านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ จะมีทั้งเครื่องพิมพ์ จักรเย็บผ้า ระบบเครื่องเสียงคาราโอเกะ เครื่องพิมพ์ฉลาก และสแกนเนอร์ตลอดปี

“เราเน้นทำตลาดเชิงโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย มั่นใจว่าปีงบประมาณ 63 จะสามารถเติบโตได้ถึง 5% ท่ามกลางภาพรวมตลาดที่ยังทรงตัว เชื่อด้วยว่าศักยภาพของภาคเอกชนไทยยังแข็งแกร่งและพร้อมที่จะปรับตัวรับมือได้ในทุกสถานการณ์ จากปัญหาไวรัสโควิด-19 ยังไม่เห็นสัญญานว่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทในขณะนี้"