‘จัสโค’ชูจุดขาย 'พื้นที่สร้างเครือข่ายธุรกิจ' ดึงลูกค้าโคเวิร์คกิ้งสเปซ
'จัสโค' โคเวิร์คกิ้งสเปซจากสิงคโปร์ขยายธุรกิจในไทยปักหมุดสาขา 3 ใจกลางกรุงบนพื้นที่สามย่านมิตรทาวน์กว่า12,000ตร.ม.มั่นใจปฏิวัติวิถีการทำงานรูปแบบใหม่ด้วยนวัตกรรมแห่งโลกอนาคต ผสานความสมดุลระหว่างชีวิต-การทำงานที่ลงตัว เผยวิกฤติโควิด-19 ไม่กระทบดีมานด์
ผลสำรวจของ GCUC 2019 รายงานว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีโคเวิร์คกิ้งสเปซกว่า 11,000 สาขา ซึ่งถือว่ามากที่สุดในโลก และคาดว่าจะเพิ่มอีก 15% ภายในปี 2563 ทั้งยังระบุว่า 90% ของพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซทั้งหมดในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ตามแนวรถไฟฟ้า ปัจจุบันพื้นที่สุขุมวิทมีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดประมาณ 29% ซัพพลายกว่า 88% ของโคเวิร์คกิ้งสเปซทั้งหมดอยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจซีบีดี
ปฏิวัติโคเวิร์คกิ้งรูปแบบใหม่
คง วัน ลง ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการขายและการตลาด จัสโค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ธุรกิจ “โคเวิร์คกิ้งสเปซ” ขยายตัวอย่างรวดเร็วและปรับรูปแบบการให้บริการตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เน้นจัดหาทรัพยากร และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน แต่ปัจจุบันกลับผสมผสานความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้อย่างลงตัว จึงทำให้โคเวิร์คกิ้งสเปซ กลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั่วโลก และมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ‘จัสโค’ (JustCo) ในฐานะผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้งสเปซ สัญชาติสิงคโปร์ ล่าสุดเดินหน้าเปิดตัวโคเวิร์คกิ้งสเปซสาขาใหม่ ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร บนย่านธุรกิจทำเลทองใจกลางเมืองกรุงเทพฯอย่าง ‘สามย่านมิตรทาวน์’ ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 3 จากการเข้าชิงสัดส่วนตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2554
“โคเวิร์คกิ้งสเปซ ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและแพร่หลายในหมู่คนรุ่นใหม่ สตาร์ทอัพ ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน ‘จัสโค’ ถือเป็นผู้ให้บริการพื้นที่ในลักษณะพรีเมี่ยมนำเสนอโซลูชั่นที่ไม่ได้มีเพียงพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการผสมผสานความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้อย่างลงตัวตอบสนองความต้องการของธุรกิจและพนักงานเพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจที่ทันสมัย อีกทั้งยังมีแพลตฟอร์มต่างๆให้แก่สมาชิกเพื่อเป็นจุดศูนย์กลางในการสร้างสัมพันธ์และการเชื่อมต่อใหม่ๆ”
ดีมานด์พุ่ง โกยอัตราเช่ารวม 85%
ด้านวิมลนิตย์ เลิศพิทักษ์กิจ ผู้จัดการทั่วไป จัสโค (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้เปิดพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯไปแล้ว 3 แห่ง คือ 1.สาขา เอไอเอ ทาวเวอร์ พื้นที่ 3,200 ตารางเมตร มีผู้เช่าพื้นที่ประมาณ 80% โดยเป็นองค์กรขนาดใหญ่เช่าในสัดส่วน 25% 2.สาขา แคปปิตอล ทาวเวอร์ ออลซีซั่นส์เพลส พื้นที่ 3,500 ตารางเมตร มีผู้เช่าพื้นที่ประมาณ 80% โดยเป็นองค์กรขนาดใหญ่ประมาณ 50% และ 3.สาขา สามย่านมิตรทาวน์ พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ซึ่งจากการเปิดตัวสาขาสามย่านมิตรทาวน์จนครบระยะเวลา 4 เดือนพบว่า มีผู้เช่าพื้นที่สูงถึง 95% โดยเป็นองค์กรขนาดใหญ่กว่า 74% รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 23,800 ตารางเมตร ซึ่งหากถามถึงการเติบโตตามขนาดไซต์จึงถือได้ว่าจัสโคนับเป็นเบอร์ 1 ของผู้ประกอบการโคเวิร์คกิ้งสเปซในประเทศไทย อีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าดิจิทัลที่อยู่ในเซกเมนต์สถาบันการเงิน และองค์กรที่มีพนักงานส่งเสริมการขาย โดยทั้ง 3 สาขา มีอัตราการเช่าเฉลี่ยรวม 85%
รูปแบบสมาชิกของผู้ใช้บริการมีทั้งหมด 4 รูปแบบ คือ 1.JustDesk Basic 2.JustDesk Unlimited 3.JustDesk Dedicated และ4.JustStudio ที่มักจะได้รับความนิยมสูงสุด โดยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 990-9,400 บาท ซึ่งสิทธิ์ในการใช้บริการก็จะแตกต่างกันออกไป
รุกซีดีบี ปักฐานคนเข้าถึง
“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีจำนวนสมาชิกที่เป็นเมมเบอร์กว่า 500 ราย และคาดว่าในปีนี้จะมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 5 พันราย ถือได้ว่ามีอัตราการเติบโตสูงถึง 10 เท่าตัว ทั้งนี้จัสโคมีพื้นที่รองรับสำหรับการทำงานมากกว่า 40 สาขาในเมืองหลักของเอเชีย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่เขตศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้โดยง่าย มีการคมนาคมที่สะดวกอีกทั้งรอบบริเวณยังเป็นศูนย์รวมของบรรดาองค์กรและบริษัทต่างๆ โดยจุดขายสำคัญของจัสโคทุกสาขาในประเทศไทยนั้นคือการสร้างประสบการณ์ที่เป็นโลคอลผ่านอีเว้นท์ และการดีไซต์สเปซ ทำให้แต่ละเซ็นเตอร์มีความเป็นยูนีค อีกทั้งโซนต่างๆจะมีการออกแบบโดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็น ห้องทำงานส่วนตัว สำนักงานออกแบบเฉพาะสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ พื้นที่จัดอีเว้นท์ รวมไปถึงคาเฟ่ลอยฟ้า ที่ตอบโจทย์สมาชิกที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน ซึ่งแต่ละสาขาจะมีสไตล์การตกแต่งที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป” วิมลนิตย์ กล่าว
พลิกวิกฤติโควิด-19 รับฐานลูกค้าใหม่
ทั้งนี้ คง วัน ลง ยังกล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายว่า ส่งผลให้สาขาในต่างประเทศอย่างจีนได้รับผลกระทบจนต้องปิดทำการชั่วคราว ส่วนประเทศอื่นๆยังคงเปิดให้บริการตามปกติโดยจะมีมาตรการป้องกันเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ใช้บริการ แต่ทั้งนี้ทางมองว่าในวิกฤตย่อมมีโอกาส เนื่องจากพบว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดีมานด์ในตลาดไม่ได้น้อยลงแต่อย่างใด อาจจะมีบ้างที่ลูกค้าตัดสินใจช้าลง แต่ก็มีลูกค้ากลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้พื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเช่าแบบชั่วคราว ระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือน ทำให้มั่นใจได้ว่าแม้จะมีช่วงวิกฤติที่ทั่วโลกต้องประสบแต่โคเวิร์คกิ้งสเปซยังคงเป็นสถานที่ที่ผู้คนเลือกใช้บริการ
ปัจจุบัน “จัสโค” มีเครือข่ายทั่วโลกรวม 7 ประเทศ 8 เมือง คือ สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ จาการ์ต้า กรุงเทพฯ โซล เมลเบิร์นและซิดนีย์ รวมสมาชิกกว่า 25,000 คน ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่เขตศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้โดยง่าย มีการคมนาคมที่สะดวก อีกทั้งรอบบริเวณยังเป็นศูนย์รวมขององค์กรและบริษัทต่างๆ พร้อมทั้งมีแผนที่จะเปิดตัวสาขา 4 ในไทยที่อาคารอัมรินทร์ ทาวเวอร์ ย่านราชประสงค์ บนพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการประมาณ ก.ค.นี้ ตั้งเป้าว่าจะเป็นลูกค้าในรูปแบบองค์กรขนาดใหญ่ 50-60% และมีแผนจะขยายสาขาไปยังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นภายในไตรมาส 2 ปีนี้