กลุ่มเสี่ยง COVID-19 ต้องมี DDC-Care แอพฯ ประจำตัว

กลุ่มเสี่ยง COVID-19 ต้องมี DDC-Care แอพฯ ประจำตัว

สวทช.ส่งแอพพลิเคชั่น DDC-Care ให้กรมควบคุมโรคใช้เฝ้าติดตามกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 ที่ต้องกักตัวอยู่ในที่พักอาศัย 14 วัน และ Traffy Fondue ให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสในภูมิลำเนา

DDC-Care เกาะติดกลุ่มเสี่ยงถูกกักตัว

สวทช.ให้ความสำคัญกับภาวะการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะยืดเยื้อยาว และร่วมวางแผนรับมือในระยะยาว เพื่อลดความตื่นตระหนกของคนในสังคม สร้างความเชื่อมั่น และเป็นการเตรียมความพร้อมทางด้านการแพทย์ทั้งในส่วนของการติดตามและตรวจสอบกลุ่มเสี่ยง จึงได้พัฒนา 2 แพลตฟอร์มดิจิทัล ที่เอื้อต่อการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ DDC-Care และ ทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue)


ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า DDC-Care เป็นแอพพลิเคชั่นติดตามและประเมินผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อโควิด-19 ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 โดยพัฒนาร่วมกับ กรมควบคุมโรค สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามและประเมินสุขภาพผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจะต้องกักตัวเองอยู่ภายในที่พักอาศัยเป็นระยะเวลา 14 วัน ซึ่งกรมควบคุมโรคจะประเมินความเสี่ยงจากข้อมูลสุขภาพที่ได้จากระบบ เพื่อให้คำแนะนำและช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเมื่อมีอาการ ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้ทดสอบใช้แอพฯ นี้ กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแล้วที่สถาบันบำราศนราดูร จำนวน 173 คน และวันนี้ (2 เม.ย.) ทยอยเริ่มใช้งานจริงผ่านทางโรงพยาบาลทั่วประเทศ

158575259462


“ผู้ที่สามารถโหลดติดตั้งแอพฯ นี้ จำกัดเฉพาะ 2 กลุ่มหลักที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต้องถูกกักตัว ซึ่งจะต้องมีการสมัครและ Log in เข้าไปใช้งานด้วยรหัสที่ได้รับจากกรมควบคุมโรค โดยผูกกับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนหรือเลขพาสปอร์ต หมายความว่า บุคคลทั่วไปไม่มีสิทธิ์เข้าใช้งาน”


สำหรับเป้าหมาย 2 กลุ่มดังกล่าว ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยที่มาตรวจที่โรงพยาบาล และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยง จะได้รับคำแนะนำให้ติดตั้งแอพพลิเคชั่น DDC-Care ขณะที่กลุ่มที่ 2 คือผู้ป่วยที่เดินทางเข้ามาตรวจและผลตรวจออกเป็น Positive ส่งผลให้กลุ่มผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยจะต้องได้รับการติดตั้งแอพพลิเคชั่น DDC-Care ด้วย

รายงานสุขภาพ-ระบุพิกัด\ไทม์ไลน์ตลอด 14 วัน

ในส่วนของการแสดงผลข้อมูลประกอบด้วย 2 มิติ คือ มิติของเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค จะสามารถติดตามการรายงานสุขภาพของผู้ที่มีความเสี่ยงฯ สถานภาพการกักตัวในที่พักอาศัย หากออกไปนอกพื้นที่จะสามารถติดตามการเดินทางและติดต่อผู้ที่มีความเสี่ยงได้ตลอดระยะเวลา 14 วัน การนำเสนอข้อมูลผู้ที่มีความเสี่ยงฯ มี 4 ระดับ ได้แก่ ประเทศ เขต จังหวัด และโรงพยาบาล โดยขึ้นกับสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของเจ้าหน้าที่ โดยข้อมูลจะเป็นความลับ และแอพฯก็จะมีกำหนดระยะเวลาใช้งาน 14 วันตามกำหนดการกักตัวเท่านั้น


มิติที่สอง สำหรับกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงฯ จะเป็นผู้ให้ข้อมูล มีแบบประเมินสุขภาพให้ระบุอุณหภูมิร่างกาย อาการเจ็บคอ ไอ เสมหะ มีหรือไม่ เมื่อทำแบบประเมินทุกวัน จะมีผลการประเมินตอบกลับว่ามีอัตราความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากเพิ่มขึ้นจะมีคำแนะนำให้โทรศัพท์มาที่กรมควบคุมโรคหรือสถานพยาบาลในความดูแล นอกจากนี้ยังมีข้อมูลแสดงสถานะสุขภาพเพิ่มเติมหลังจากกรอกข้อมูลสุขภาพแล้ว กรมฯ จะมีคำแนะนำซึ่งผู้ใช้ระบบจะได้ประโยชน์ในการปฏิบัติตัวในแต่ละวันด้วย

158575261337


“ในส่วนของกรมควบคุมโรคตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานแล้ว ระบบ DDC-Care จะเป็นเครื่องมือในการควบคุม ตรวจสอบผู้ที่มีความเสี่ยงฯ ให้อยู่ในพื้นที่กักตัวเอง และดูผลของข้อมูลสุขภาพ หากมีสุขภาพแย่ลงจะได้ให้ความช่วยเหลือได้ทันที รวมถึงหากมีการแพร่ระบาดรุนแรงจะทำให้สามารถคัดแยกผู้ป่วยได้ ตลอดจนเป็นส่วนที่จะช่วยให้โรงพยาบาลได้จัดสรรเตียงสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ซึ่งข้อมูลที่ได้กรอกเข้าระบบนี้จะเป็นข้อมูลความลับเท่านั้น” ดร.จุฬารัตน์ กล่าว

ในการใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ ยังกำหนดให้ระบุพิกัดที่อยู่หรือสถานที่ที่ใช้ในการกักตนเอง พร้อมทั้งแสดงสัญลักษณ์เป็นจุดวงกลม 4 สี คือ สีเขียว หมายถึงอยู่ในบริเวณพื้นที่ที่ถูกกักตัว ซึ่งกำหนดรัศมี 50 เมตร, สีแดง ปิดเครื่องโทรศัพท์หรือปิดพิกัดตำแหน่ง, ส่วนสีส้มและสีเหลือง บ่งบอกถึงการออกนอกพื้นที่กักตัวในระยะเกินกว่า 10 กิโลเมตรขึ้นไป ดังนั้น ผู้ใช้แอพฯ จึงได้รับแจ้งให้เปิดพิกัดไว้ตลอดเวลา โดยทางเจ้าหน้าที่จะเข้าติดตามพิกัดหรือโทรศัพท์ติดตามทุกๆ 10 นาที

อย่างไรก็ตาม แอพพลิเคชั่นติดตามข้อมูลส่วนบุคคลนี้ไม่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ปกติซึ่งจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ทางกรมควบคุมโรคทำหนังสือแจ้งไปยัง กสทช. และผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อให้สามารถใช้แอพฯนี้บนสมาร์ทดีไวซ์

Traffy Fondue ไลน์แชทแจ้งเบาะแสในพื้นที่

นอกจาก DDC-Care ระบบติดตามกลุ่มเสี่ยงฯ สวทช.ยังมี Traffy Fondue (ทราฟฟี่ฟองดูว์) แอพพลิเคชั่นแจ้งและติดตามปัญหาเมือง ที่จัดทำขึ้นสำหรับสื่อสารเรื่องปัญหาของเมือง ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ประชาชนสามารถแจ้งปัญหาที่พบ เช่น ความสะอาด ปัญหาทางเท้าและติดตามสถานะการดำเนินการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ โดยหน่วยงานจะได้รับแจ้งรายงานปัญหาที่มีข้อมูลเพียงพอต่อการดำเนินการ เช่น ภาพถ่าย ตำแหน่งบนแผนที่ และสามารถให้ข้อมูลสถานะการแก้ไขปัญหาแก่ประชาชนได้

แต่จากการเกิดภาวะโรคโควิด-19 ระบาดในเกือบทุกพื้นที่ ทีมวิจัยเนคเทค สวทช. จึงประยุกต์ใช้แอพพลิเคชั่น Traffy fondue ในแพลตฟอร์มไลน์แชทบอท ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อรายงานข้อมูลบุคคลเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงการระบาดโรคโควิด-19 และพื้นที่กรุงเทพฯ เดินทางกลับภูมิลำเนา

158575263114

เนื่องจากกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะหน่วยงานผู้ใช้ข้อมูลดังกล่าวต้องการทราบว่าบุคคลที่มีความเสี่ยงกับโรคโควิด-19 เดินทางกลับมายังภูมิลำเนามีอยู่ที่ใดของประเทศบ้าง เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้มีส่วนรับผิดชอบสังคมและปฏิบัติตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

@traffyfondue แจ้งข้อมูลติด #โควิด

ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จะเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการระบาดด้วยการแจ้งข้อมูลผ่านไลน์แชทบอท เพียงเพิ่มเพื่อน @traffyfondue หากพบคนจากพื้นที่เสี่ยงกลับภูมิลำเนา เริ่มแจ้งข้อมูลพิมพ์ (แฮทแท็ค) #โควิด ตามด้วยชื่อเล่น เพศ ส่งข้อมูลภาพลักษณะที่อยู่หมู่บ้าน ชุมชน (ไม่ต้องส่งภาพคน) และส่งคุยกับไลน์แชทบอท @traffyfondue เพื่อที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ลงพื้นที่ ตรวจสอบ สอบสวน และคัดกรองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันมีการแจ้งเบาะแสของผู้เข้าข่ายเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงที่กลับมายังภูมิลำเนาเข้ามาในระบบแล้วจำนวนมาก เช่น จ.มหาสารคาม ราชบุรี นครพนม ยโสธร หนองคาย และมีอีกหลายภูมิภาคทั่วประเทศ เป็นต้น นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรค