ปม ‘ลดค่าโทรฯ’ บทพิสูจน์ความจริงใจ ‘ค่ายมือถือ’
ปมลดค่าโทรฯ กลายประเด็นที่ถูกจับตามอง และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึง “ความจริงใจ” ของค่ายมือถือ ที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ช่วยเหลือค่าโทรฯ ช่วงวิกฤติ จนสุดท้าย สรุปกันที่โมเดล "โทรฟรีทุกเครือข่าย" แต่กว่าจะได้ข้อสรุปก็ผ่านการเจรจามาหลายรอบ
ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เกี่ยวข้องกับการมาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ กสทช.ขอความร่วมมือโอเปอเรเตอร์ ให้ลดราคาค่าโทรฯมือถือทุกแพคเก็จลง ซึ่ง กสทช และค่ายมือถือได้ร่วมหารืออย่างอย่างต่อเนื่อง ถกเครียดกันหลายครั้ง
จนสุดท้าย กสทช และค่ายมือถือ สรุปแบบให้ “โทรฟรีทุกเครือข่าย” โดยโอเปอเรเตอร์เป็นผู้ซับซิไดซ์ค่าใช้จ่ายครั้งนี้
ย้อนกลับไป ประเด็นปมลดค่าโทรฯ กลายประเด็นที่ถูกจับตามอง และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึง “ความจริงใจ” ของโอเปอเรเตอร์ ที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ช่วยเหลือค่าโทรฯ ช่วงวิกฤติ ที่คนส่วนใหญ่ต้องทำงานอยู่บ้าน ต้องพึ่งพาการติดต่อสื่อสาร ผ่านเครือข่ายมือถือ จนนำมาซึ่งมาตรการแรก อัพสปีดเน็ตมือถือ และเน็ตบ้านฟรี (แต่มีเงื่อนไข)
ท่ามกลางเสียงสะท้อนจากค่ายมือถือ ที่ชี้แจงถึงการต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แบกรับภาระค่าไลเซ่นส์ 5จี การต้องทุ่มเม็ดเงินประมูลคลื่นแต่ละครั้งอย่างมหาศาล การต้องเดินหน้าขยายโครงข่าย การลงทุนอะไรต่างๆ นานา ซึ่งถ้ามองในมุมเอกชน ก็ถือว่า “ฟังได้” ถึงภาระการแบกรับต้นทุนที่สูงลิ่ว ขณะที่ภาคธุรกิจโทรคม เป็นภาคที่ทำเงินเข้ารัฐได้เป็นกอบเป็นกำ
หากมาตรการแจกเน็ตฟรีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า มันไม่โดนใจ ไม่ถูกจุด ไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม ด้วยเงื่อนไขที่ถูกระบุไว้ แบบถ้าใครไม่สังเกต ก็ไม่รู้ คิดกันไปว่ามาตรการนี้น่าจะได้ทุกคน ทั้งยังมีเสียงบ่นจากผู้ใช้บริการที่สามารถใช้สิทธิได้ แต่พออัพสปีดแล้วความเร็วกลับไม่แรงเท่าที่บอกไว้ จึงมีการยกเลิกสิทธิในเวลาต่อมา
ขณะที่ มาตรการก็อก 2 ที่ กสทช หาทางเจรจากับค่ายมือถืออีกครั้ง ด้วยการ ลดราคาค่าโทรฯ ลงอย่างน้อย 10-30% รวมไปถึงมาตรการยืดการชำระบิลออกไป หรือการผ่อนผันการชำระค่าบริการ ซึ่งท่าทีของเอกชน ก็สอดคล้องกันว่า “เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก” ซึ่งค่ายมือถือพยายาม ชี้แจงว่า ได้ช่วยเหลือประชาชนไปบ้างแล้วหลายรูปแบบ มีแพ็คเกจการช่วยเหลือหลายแพ็คเกจที่แตกต่างกันไปตามแต่ละค่ายจะกำหนด
ประเด็นนี้สำคัญ และเป็นเรื่องที่ดี ที่ผู้ใช้บริการจัดหาแพ็คเกจ ช่วยลูกค้า แต่ทำไมยังคงมีเสียงเรียกร้องให้ค่ายมือถือช่วยเหลือแบ่งเบาค่าโทรฯ จากประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง
อาจเป็นเพราะค่ายมือถือ ไม่ได้โปรโมทแพ็คเกจช่วยเหลืออย่างเด่นชัด ไม่ได้บอกเสียงดังๆ ว่า วิกฤติช่วงนี้ ได้จัดแพ็คเกจพิเศษ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงโควิด อาจเพราะกลัวว่าจะเป็นการฉวยโอกาสช่วงวิกฤติ หรืออาจเพราะว่า แพ็คเกจที่กำหนดไว้ อาจยังไม่ตอบโจทย์ "ความต้องการจริงๆ" ของผู้บริโภค ก็ได้
ซึ่ง จริงๆ แล้ว ค่ายมือถือ สามารถสื่อสารโดยตรงกับลูกค้าของตัวเองได้ก่อน ให้ชัดเจนว่า มีแพ็คเกจอะไรพิเศษ ที่ลูกค้าสามารถเปลี่ยนมาใช้เพื่อบรรเทาผลกระทบได้ หรือจะลดค่าโทรในส่วนไหนอย่างไร หรือลูกค้าต้องการแบบไหน และก็หาทางออกร่วมกัน แต่ต้องช่วยให้ถูกจุด ต้องตอบโจทย์สิ่งทีลูกค้าต้องการได้จริง เพื่อบรรเทาผลกระทบในช่วงวิกฤตินี้ อาจไม่จำเป็นต้องรอให้มาถึงวันนี้ก็ได้
แน่นอนว่า ทุกภาคส่วน ไม่ว่ากลุ่มไหน ล้วนได้รับผลกระทบจากมหาวิกฤติ โควิด ด้วยกันทั้งสิ้น หากเราจะรอดพ้นกันไปได้ ต้องช่วยกัน ร่วมมือกัน ธุรกิจบริการต้องแสดงความ “จริงใจ” แม้ต้องขาดทุน กลืนเลือด เฉือนเนื้อ ก็ต้องทำ คนตัวใหญ่ต้องอุ้มคนตัวเล็ก เพราะถ้าการช่วยเหลือไม่ได้กระทบถึงขั้นธุรกิจพังพินาศเหลือเพียงซากปรักหักพัง หากหลังวิฤติผ่านพ้นไป ความช่วยเหลือด้วยความจริงใจที่ภาคธุรกิจมีให้ ก็จะ “ได้ใจ” ลูกค้าคืนกลับมาอย่างเต็มๆ
สุดท้าย ดีลนี้ ก็สรุปจบกันที่แจกค่าโทรฟรีให้ประชาชนจำนวน 100 นาที ทุกเครือข่าย เป็นเวลา 45 วัน เริ่มวันที่ 1-15 พ.ค นี้....