จับตาโมเดลอีคอมเมิร์ซ 'Kaidee' หลังดึง 'ทุนต่างชาติ' เสริมแกร่ง

“ขายดี เป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมการทำงานอันโดดเด่น และมีความกระตือรือร้นอย่างมากที่จะช่วยเหลือผู้ใช้งานผ่านการซื้อ-ขายสินค้าและบริการต่างๆ ในแพลตฟอร์ม และมีหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย นับเป็นจุดแข็งเป็นอย่างมาก และเราหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากจุดแข็งนี้อย่างเต็มที่” นายอาลี กล่าว 

‘ทิวา’เผยมุ่งโฟกัสอสังหาออนไลน์เพิ่ม

นายทิวา ยอร์ค ซีอีโอ ขายดี กล่าวว่า อีเอ็มพีจี อยู่ในแนวหน้าของตลาดซื้อ-ขายออนไลน์ระดับโลก ซึ่งโดดเด่นในเรื่องการตอบโจทย์ผู้บริโภคของแต่ละภูมิภาคอย่างเหมาะสม การซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยให้ขายดีก้าวเป็นผู้นำด้วยการนำเสนอบริการใหม่ๆ ผ่านทุกหมวดหมู่สินค้าที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครบครัน 

อย่างไรก็ตาม การตกลงซื้อขายธุรกิจครั้งนี้ได้เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่าการซื้อขาย

ทิวา เปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า บิซิเนส โมเดลต่อจากนี้ ยังเน้นที่ความเป็นผู้นำในตลาดออนไลน์ มาร์เก็ตเพลส โดยมีสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้น คือ ตลาดอสังหาฯ ออนไลน์ ที่จะโฟกัสมากขึ้น ขณะที่ ยังคงใช้ชื่อแบรนด์ Kaidee เหมือนเดิม 

สำหรับ ขายดี นับเป็นอีมาร์เก็ตเพลสชั้นนำของไทย เป็นตลาดกลางที่มีสินค้าใหม่ และสินค้ามือสอง สินค้าขนาดใหญ่ ที่ได้รับความนิยม เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ บ้าน แต่ระยะหลังขณะที่ มีคนนิยมนำสินค้ามือสองเข้ามาขายในแพลตฟอร์มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562 ที่ผ่านมา มีผู้เข้ามาใช้บริการในแพลตฟอร์มมากถึง 22 ล้านคน สินค้าปิดการขายได้มากกว่า 1.3 ล้านรายการหรือเฉลี่ยทุก 19 วินาที จะมีสินค้าขายได้หนึ่งชิ้น 

สำหรับหมวดหมู่หลักที่มีผู้ใช้งานสูงสุด 5 อันดับแรกใน ขายดี ประกอบไปด้วย RodKaidee มีการใช้งานกว่า 45 ล้านครั้ง MocyKaidee มีการใช้งานกว่า 28 ล้านครั้ง BaanKaidee มีการใช้งานกว่า 19 ล้านครั้ง Mobile & Tablet มีการใช้งานกว่า 17 ล้านครั้ง และ Auto Parts มีการใช้งานกว่า 17 ล้านครั้ง

นอกจากหมวดหมู่หลักๆ ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ขายดี ยังมีหมวดสินค้าอื่นๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เช่น หมวดหางาน เปิดโอกาสให้คนในสาขาอาชีพต่างๆ สามารถลงประกาศหางานทำ หรือหารายได้พิเศษนอกเหนือจากงานประจำ รวมถึงนายจ้างจะประกาศหาคนทำงานก็ได้เช่นกัน รวมถึงหมวด FarmKaidee ที่เน้นช่วยเหลือเกษตรกรไทย

กลุ่มบริษัท อีเอ็มพีจี มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มุ่งเน้นการลงทุนในด้านเทคโนโลยีและการวิจัยพัฒนาโดยมีศูนย์เทคโนโลยีอยู่ในประเทศโรมาเนีย สเปน และปากีสถาน ปัจจุบัน อีเอ็มพีจี มีธุรกิจกระจายตัวครอบคลุมกว่า 50 เมืองทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 4,500 คนกลุ่มบริษัทมุ่งเน้นที่จะมอบประสบการณ์การซื้อขายทางออนไลน์ที่เร็วขึ้น ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น ด้วยแพลตฟอร์มที่สามารถปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของตลาดในแต่ละประเทศ

อีคอมเมิร์ซไทยแนวโน้มโตต่อเนื่อง

ด้านนายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย กล่าวว่า ตัวเลขธุรกิจอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยเมื่อปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก เติบโตราว 10-20% เกือบทุกปีติดต่อกัน ซึ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเช่นกัน กลุ่มที่ 1 คือบีทูบีธุรกิจขนาดใหญ่มีการใช้อีคอมเมิร์ซซื้อขายระหว่างกัน กลุ่มที่ 2 คือบีทูซีหรือกลุ่มค้าปลีกต่างๆ และกลุ่มที่ 3 คือซีทูซีผู้บริโภคซื้อขายระหว่างกัน

โดยอีคอมเมิร์ซเมืองไทยจะโตอยู่ประมาณ 10-20% แต่ในปี 2563 เรียกว่าอีคอมเมิร์ซจะโตมากในเกือบทุกกลุ่ม จากอานิสงส์การระบาดของโควิด-19 เหมือนบังคับให้ทุกคนเข้ามาอยู่ในออนไลน์มากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าอีคอมเมิร์ซในไทยจะโตอย่างต่ำประมาณ 30% ขึ้นไป