'ดีอีเอส' ดัน 'สถาบันไอโอที' ลุย 'เซ็นเซอร์ดักฝุ่น'
ดีอีเอสสั่ง“สถาบันไอโอที-ดีป้า”เตรียมการล่วงหน้า พร้อมจับมือเอไอเอสติดตั้งเซนเซอร์วัดฝุ่น 200 จุด นำร่อง 3 จังหวัดอีอีซี ต่อยอดเอ็นบี-ไอโอที ส่งรายงานค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ ผ่านดาต้า เซ็นเตอร์กลางสำหรับประมวลผล
หวังเป็นเครื่องมือให้ประชาชนได้ใช้เพื่อรับมือกับปัญหาฝุ่นควันและมลพิษ ปูพรมขยายในพื้นที่เมืองอัจฉริยะทั่วประเทศ
นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เผยว่า ความร่วมมือระหว่างสถาบันไอโอทีและนวัตกรรม ระบุว่านายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลและสังคม (ดีอีเอส) ได้มอบหมายให้ดีป้า สานต่อพันธมิตรเพื่อมุ่งขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัล อย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพของประชาชน
โดยดีป้าได้จับมือบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยไอโอที โดยติดตั้งเซนเซอร์วัดค่าความชื้น อุณหภูมิ และ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จำนวน 200 จุด พร้อมกับพัฒนาแอพพลิเคชั่น depa PM 2.5 เพื่อใช้ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ โดยนำร่อง ในพื้นที่ 3 จังหวัดอีอีซีได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหามลพิษเป็นอย่างมากเนื่องจากมีโรงงานขนาดใหญ่ และ ระบบการขนส่งทั้งทางรถบรรทุกและเรือจำนวนมาก
“เราได้ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดค่าคุณภาพอากาศ พร้อมพัฒนาแอพฯสำหรับรายงานค่าคุณภาพอากาศได้แบบเรียลไทม์ พร้อมการแจ้งเตือนสถาพอากาศพื้นที่ที่มีการเลือกติดตาม และ แนะนำวิธีดูแลตัวเอง ซึ่งหลังจากนี้จะเพิ่มพื้นที่พัฒนาเมืองอัจฉริยะ เช่น ภูเก็ต กระบี่ อุบลราชธานี ขอนแก่น เชียงใหม่ และพิษณุโลก ต่อไป"
ด้านนายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร เอไอเอส เผยว่า ภายในประกอบด้วยเซนเชอร์วัดค่าความชื้น อุณหภูมิ และ ค่าฝุ่น PM 2.5 โดยข้อมูลต่าง ๆ ที่วัดได้จะถูกส่งข้อมูลกลับไปยัง Magellan หรือ ไอโอที แพลตฟอร์มของเอไอเอส ผ่านเครือข่ายเอ็นบี-ไอโอทีซึ่งเป็นระบบส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาเป็นแดชบอร์ดแสดงผลสรุปรายดือนในรูปแบบของเว็บ เบสเพื่อให้ผู้บริหารเมือง หรือ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาเมืองได้สามารถนำมาเป็นข้อมูลเพื่อนำไปสู่การวางแผนพัฒนาเมืองที่ตอบโจทย์ประชาชนได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น