อะไลน์ฯ เปิดศูนย์เทรนนิ่ง ยึดทันตแพทย์เอเชีย
“อะไลน์ เทคโนโลยี” พลิกวิกฤติโควิดที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของผู้บริโภค เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติด้านทันตกรรมด้วยโซลูชั่นและนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นมาตอบโจทย์ความต้องการอัพสกิล/รีสกิลให้กับทันตแพทย์
บริษัทสัญชาติอเมริกันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ เปิดตัวมานานประมาณ 23 ปี เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกระบบการจัดฟันแบบใส มีสำนักงานสาขากว่า 100 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น จีน อินเดีย สิงคโปร์ รวมพนักงาน 15,000 คน เฉลี่ยต่อปีมีรายได้ 2,200 ล้านบาท ฐานลูกค้าจัดฟันแบบใส 8.6 ล้านคน และให้การฝึกอบรมทันตแพทย์ไปแล้วกว่า 1.82 แสนคน อีกทั้งจัดสรรงบลงทุนประมาณ 3,118 ล้านบาททำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคทั่วโลก
พื้นที่อัพสกิลทันตแพทย์
ศศิธร เทียนทอง กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Align Technology กล่าวว่า ศูนย์ฝึกอบรมฯ นี้มุ่งเตรียมความพร้อมและเสริมความสามารถให้ทันตแพทย์สามารถตอบความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่เลือกใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใส โดยจะช่วยให้ทันตแพทย์ได้ฝึกความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมจัดฟันสมัยใหม่ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และสร้างเครือข่ายกับทันตแพทย์ชั้นนำในวงการได้
“ศูนย์ฝึกอบรมจะมีห้องบรรยาย ห้องสาธิตและห้องปฏิบัติการ พร้อมด้วยโปรแกรมการเรียนการสอนทางคลินิก เครื่องมือและการสาธิตกระบวนการ ฉะนั้น ทุกครั้งที่อะไลน์มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เราจะให้ความรู้เชิงลึกทั้งหมดแก่ทันตแพทย์ให้สามารถนำไปใช้ในการรักษาได้จริง ตลอดจนการเรียนรู้ที่จะรักษาด้วยระบบดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ จึงเป็นสถานที่ในการเรียนรู้ให้แก่ทันตแพทย์ในไทยได้เป็นอย่างดีตลอดหลายปีข้างหน้านี้”
การดำเนินธุรกิจให้มีความยั่งยืนนั้น อะไลน์ฯ ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย การขยายตัวระดับนานาชาติ ซึ่งเห็นได้จากปัจจุบันที่มีกว่า 100 สาขา การเป็นศูนย์รวมของทันตแพทย์จัดฟัน การบูรณาการตอบดีมานด์ลูกค้าโดยได้ลงทุนประมาณ 100 ล้านดอลลาร์พัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องทุกปีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่แพทย์และผู้เข้ารับบริการ
นอกจากการเปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่แล้ว บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้สนับสนุนแพทย์ เพื่อฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด-19 เช่น Invisalign Virtual Appointment เครื่องมือเสมือนจริงเพื่อลดจำนวนการนัดหมายในคลินิกให้น้อยที่สุด Invisalign Virtual Care และ My Invisalign App ที่อำนวยความสะดวกในการติดต่อกับแพทย์จากระยะไกล เพื่อติดตามความคืบหน้า ลดเวลาเดินทางและเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ตลอดจน iTero ระบบสแกนภาพภายในช่องปาก ที่ช่วยให้คนไข้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยจะทำให้เห็นภาพว่าฟันที่ถูกจัดมีการเคลื่อนที่อย่างไรในแต่ละเฟส
“ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เทคโนโลยีดิจิทัลที่พัฒนานี้ได้รับผลตอบรับในเชิงบวกเป็นอย่างมาก มีความสนใจใหม่ๆ เกี่ยวกับทันตกรรมดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น รวมถึงในกลุ่มแพทย์ที่ยังไม่เคยลองนำโซลูชันมาปรับใช้งานในช่วงก่อนเกิดการระบาด เราเห็นผลตอบรับและกระแสในเชิงบวกต่อการจัดฟันแบบใส ขั้นตอนการปฏิบัติงานแบบดิจิทัล และระบบสแกนภาพ iTero ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือหลักในคลินิกของคุณหมอหลายคน”
คนอาเซียนพร้อมรับสิ่งใหม่
ศศิธร กล่าวอีกว่า แนวโน้มธุรกิจทันตกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจมีการเติบโตที่ดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา จากสถิติข้อมูลพบว่า ฐานลูกค้าทั้งหมดในปัจจุบันมีอยู่กว่า 8.6 ล้านคนทั่วโลกนั้น เป็นลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประมาณ 1 ล้านคนเท่านั้น หมายความว่า ตลาดในภูมิภาคแถบนี้ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมฯ ที่กรุงเทพฯ โดยโฟกัสไปที่ทันตแพทย์ 4 ประเทศคือ เกาหลี จีน เวียดนามและไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ประชาชนมีความตื่นตัวที่จะรับเทคโนโลยีใหม่ๆ มีความรู้และเข้าใจด้านทันตกรรม ส่วนเหตุที่เลือกประเทศไทยเป็นฐานการอบรม ด้วยเห็นว่า ประชากรไทยมีจำนวนมาก มีรายได้สูง มีความทันสมัยเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ
“เรามีคอร์สอบรมตั้งแต่ทักษะพื้นฐานจนถึงระดับแอดวานซ์ เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3-4 คอร์ส นอกจากหลักสูตรจากวิชาการแล้วยังมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในกลุ่มแพทย์ทั้งแพทย์ไทยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศผ่านทางระบบออนไลน์ในช่วงวิกฤติโควิดนี้”