นวัตกรรม
ใกล้ความจริง! ไทยพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด จาก "ใบพืช" สำเร็จ
จุฬาฯ จับมือ ใบยา ไฟโตฟาร์ม พัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 จากใบพืชระดับห้องปฏิบัติการสำเร็จ เริ่มทดลองในมนุษย์ มิ.ย.64 พร้อมใช้ไม่เกินปี 64 ลั่นคนไทยใช้ฟรี เริ่มจากกลุ่มเสี่ยง ด้าน "เอนก" รมว.อว.มอบนโยบายตั้งมูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ หนุน"วัคซีนเพื่อคนไทย"
โดย “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” รมว.การอุดมศึกษาฯ ให้นโยบายจุฬาฯ ตั้งมูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ หนุน "วัคซีนที่ผลิตโดยคนไทยเพื่อคนไทย" พร้อมเปิดรับบริจาคทุนวิจัย 500 บาท จากคนไทย 1 ล้านคน รวม 500 ล้านบาท เร่งผลิตวัคซีนโควิด-19 จากใบพืชเพื่อทดสอบในมนุษย์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” เปิดรับบริจาคทุนวิจัย 500 บาท จากคนไทย 1 ล้านคน รวม 500 ล้านบาท เพื่อเร่งผลิตวัคซีนโควิด-19 จากใบพืชเพื่อทดสอบในมนุษย์ได้ทันภายในเดือนมิถุนายน 2564 พร้อมเปิดตัว “ทีมไทยแลนด์” ร่วมลงนามความร่วมมือวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนป้องกันโรคจากไวรัสโควิด-19 ระหว่างองค์การเภสัชกรรม กับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด
ซึ่งทางจุฬาลงกรณ์ฯ ได้ขานรับนโยบายของ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ด้วยการตั้ง บริษัท ซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ จำกัด ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพจุฬาฯ จากการบ่มเพาะของศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือ CU Innovation Hub และมีผลงานนวัตกรรมเชิงประจักษ์ ช่วยชาติ ช่วยคนไทยออกมามากมายในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะนวัตกรรมจากงานวิจัยของ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยนักวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ที่วันนี้สามารถพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากใบพืชได้สำเร็จแล้วในระดับห้องปฏิบัติการ
โดยใบพืชดังกล่าวมาจากยาสูบ และพร้อมก้าวไปอีกขั้นเพื่อผลิตวัคซีนนี้ได้เองภายในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำในโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” เพื่อดูแลพี่น้องคนไทยและประเทศไทยให้กลับมาหยัดยืนได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง ซึ่งความสำเร็จของการค้นคว้า วิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยสร้างความหวังให้กับคนไทยทั้งชาติสามารถก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปได้ในเร็ววัน ยังเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับการพัฒนาองค์ความรู้เรื่องการพัฒนายาและวัคซีนให้กับประเทศไทย ต่อยอดเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับคนไทย และจะสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศไทยได้
ด้าน ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. กล่าวว่า หากพูดถึงอุตสาหกรรมผลิตยาหรือวัคซีนที่ทำโดยคนไทยถือว่าประเทศยังขาด และการนำเข้าอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะเวลาวิกฤติต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ จึงต้องพึ่งตนเองเพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืน ซึ่งในครั้งนี้มีความยินดีอย่างยิ่งที่วันนี้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า นอกจากเรื่องการผลิตวัคซีนที่เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญแล้ว ยังมีบริษัทคนไทยที่สามารถผลิตได้แม้กระทั่งยุทโธปกรณ์อย่างรถถังและเรืออีกด้วย ที่สำคัญ เร็วๆ นี้ไทยจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้
โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 7 ปี และอาจมีการขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน ซึ่งเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนไทยว่า "ไทยไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนาอีกแล้ว" แต่จะพลิกฟื้นสู่ประเทศที่มีอนาคต มีโอกาส และมีความหวัง