ม.อ.สุราษฎร์ฯวิจัย “โปรตีนต่ำในยางพารา” สำเร็จ รับดีมานต์ช่วงโควิด!
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี โชว์ความสำเร็จวิจัย “โปรตีนต่ำในยางพารา”ตามเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้เป็นอันตรายต่อมนุษย์ หวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพาราไทยและราคายางให้มีเสถียรภาพ ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางพาราธรรมชาติ
พร้อมผนึกกยท. เร่งจัดตั้งศูนย์วิจัยการแพ้โปรตีนในยางพารา ระดมนักวิจัย พัฒนายางพาราโปรตีนต่ำตามเกณฑ์มาตรฐานครบทุกมิติ ขานรับโควิด -19 ดันดีมานต์ถุงมือยางในอุตสาหกรรมการแพทย์พุ่ง
รศ.ดร.เจริญ นาคะสรรค์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ทีมนักวิจัยทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับระดับโปรตีนที่อยู่ในยางพาราต่ำกว่ามาตราฐานของทวีปอเมริกาและยุโรป ที่อนุญาตให้ผลิตเป็นถุงมือยางพาราธรรมชาติ ต้องมีปริมาณโปรตีนไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดสำเร็จแล้ว โดยที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือการแพ้ต่อผู้ใช้งาน และเตรียมนำงานวิจัยเผยแพร่ในวารสารยาง เพื่อสร้างความเข้าใจยางพาราธรรมชาติโปรตีนต่ำที่ถูกต้อง โดยสื่อสารไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการยางทั่วโลก และขณะเดียวกันพร้อมนำองค์ความรู้ต่อยอดสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อไป
รู้ไวใช่ว่า 'อาการแพ้ยาง'
ทั้งนี้ผลการวิจัยในยุโรปพบว่า โปรตีนในยางพาราธรรมชาติทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ 1-6% และมีผู้เสียชีวิต 1 คนในประเทศอังกฤษ จึงเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตอุตสาหกรรมถุงมือยางพาราธรรมชาติและเป็นจุดเปลี่ยนสู่การใช้ถุงมือยางสังเคราะห์มากขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางสูงขึ้น ทำให้บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางยักษ์ใหญ่ในประเทศมาเลเซียรวมถึงของไทย ได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตจากการใช้วัตถุดิบยางธรรมชาติมาเป็นยางสังเคราะห์มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำยางและราคายางพาราของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง
รศ.ดร.เจริญ กล่าวต่อไปว่า ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ปัจจุบันยังไม่มีผลวิจัยยางพาราในประเทศไทยก่อให้เกิดการแพ้หรือไม่ หรือมีการวิจัยสายพันธุ์ยางที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้และกระบวนการผลิตเพื่อลดโปรตีนลง ดังนั้น หากนักวิจัยร่วมมือกันจะช่วยพลิกอุตสาหกรรมถุงมือยางพาราธรรมชาติให้กับมาใช้งานแพร่หลาย เนื่องจากคุณสมบัติของถุงมือยางพาราธรรมชาติมีความแข็งแรง ยืดหยุ่นกว่าถุงมือยางพาราสังเคราะห์ ที่มีส่วนผสมของยางไนไตรล์ ยางคลอโรฟิลล์ ความทนต่อแรงมีน้อยจึงฉีกขาดได้ง่ายมากกว่า อีกทั้งมีสารไซยาไนด์เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์
หนุนยกระดับอุตฯยางพาราไทย
ทั้งนี้ ม.อ. วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยียาง ชีวเคมีและการแพทย์ เตรียมจัดตั้งศูนย์วิจัยการแพ้โปรตีนในยางพารา โดยร่วมวิจัยและพัฒนาระดับโปรตีนในยางพาราตามเกณฑ์มาตรฐานการผลิตถุงมือยางพาราธรรมชาติที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ต่อมนุษย์ครบทุกมิติ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพารา และยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางพาราธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น
โควิดมา 'ถุงมือยางก็จำเป็น'
ผศ.ดร.เอกวิภู กาลกรณ์สุรปราณี รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา ม.อ. กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บริษัททั่วโลกจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีถุงมือยางเพิ่มขึ้น โดยบริษัทอเมริกันจดสิทธิบัตรมากอันดับหนึ่งของโลก สะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยียางพาราที่เอามาทำเป็นถุงมือทางการแพทย์มีความต้องการสูง โดยเฉพาะยางไนไตรล์มีความต้องการของตลาดมากกว่ายางธรรมชาติ 9-10 เท่า จึงมีแนวโน้มว่ายางไนไตรล์จะขาดตลาด และผู้ผลิตจะกลับมาใช้ยางพาราธรรมชาติมากขึ้น
ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการส่งเสริมเกษตรกรปลูกยางพารา ซึ่งปัจจุบันการปลูกยางพารามีจำนวนไม่กี่พันธุ์ และส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ที่มีน้ำยางปริมาณสูง แต่หากมีการวิจัยยางพาราสายพันธุ์ที่มีโปรตีนน้อย และมุ่งส่งเสริมเกษตรกรปลูกสายพันธ์ยางพาราแบบบผสมผสาน จะยิ่งทำให้ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เพิ่มขึ้น