‘ฟู้ดแพนด้า’ ปี64 รุกตลาด 360 องศา ขยายฐานลูกค้า เขย่าโลกดิลิเวอรี่

สมรภูมิสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่นยังร้อนระอุ จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 และเริ่มคุ้นชินกับการสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่นมากขึ้น การแข่งขันจึงยังสูง เกิดผู้เล่นหน้าใหม่ และแคมเปญใหม่ๆ จากผู้เล่นในตลาดที่ขับเคี่ยวชิงฐานลูกค้า

ขณะที่ ตลาดอาหารประเทศไทยมีขนาดที่ใหญ่มาก มูลค่าโดยรวมอาจมีมากกว่า 7 แสนล้านบาท และเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 2-4% ต่อปี หรืออาจจะมากกว่านั้น จำนวนร้านอาหารกว่า 4-5 แสนร้านในไทย เป็นสัดส่วนฟู้ดดิลิเวอรี่แค่ราว 5% เท่านั้น และมีโอกาสเติบได้ถึง 30%

ด้าน “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า การแข่งขันในธุรกิจฟู้ดดิลิเวอรีเมื่อปี 2563 ยังโตต่อเนื่องถึงปี 2564 จำนวนครั้งของการจัดส่งอาหารไปยังที่พักในปี 2563 สูงกว่า 66-68 ล้านครั้งหรือโตจากปีก่อนหน้า 78-84% ถือเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมาก

‘อเล็กซานเดอร์ เฟลเดอร์’ ซีอีโอ บริษัท ฟู้ดแพนด้า ประเทศไทย รายใหญ่ในสมรภูมินี้ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงแผนธุรกิจในปี 2564 ที่ยังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆ อำนวยความสะดวกสบายให้ลูกค้า และสร้างการเติบโตไปพร้อมพาร์ทเนอร์ ไม่ว่าจะเป็น เวนเดอร์พาร์ทเนอร์ และไรเดอร์ ที่สำคัญจะลงลึกทำตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคระดับชุมชน พร้อมแจกส่วนลดให้ทดลองสั่งอาหาร ล่าสุดทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาททำแคมเปญรุกตลาดเอสเอ็มอี

ทำตลาด360 องศาลงลึกระดับชุมชน

"เราเน้นทำตลาดแบบ 360 องศา และเข้าถึงชุมชนอย่างแท้จริง ศึกษาว่าผู้บริโภคแต่ละพื้นที่มีพฤติกรรมเสพสื่ออย่างไร ต้องใช้สื่อประเภทไหนถึงจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเราได้ ในต่างจังหวัดเราอาจเน้นสื่อวิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นป้ายขนาดใหญ่ หรือใช้รถยนต์ขับไปตามหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อแนะนำบริการพร้อมแจกส่วนลดให้กลุ่มเป้าหมายได้ทดลองใช้จริง"

ทั้งเร่งครีเอทบริการที่ครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ายุคปัจจุบันให้ครบถ้วน ผ่านแพลตฟอร์มที่เปิดกว้าง และเข้าถึงผู้ใช้ได้สะดวก ส่วนแผนระยะยาว เน้นสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่ที่เข้าไป ช่วยร้านค้าเล็กๆ ในชุมชนเล็กๆ ในทุกจังหวัด มีรายได้เพิ่มขึ้น เข้าถึงการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ ทั้งเร่งขยายตลาด นอน-ฟู้ด(Shops & pandamart)ต่อเนื่อง หลังเปิดบริการครบ77 จังหวัด ซึ่งจากนี้จะลงลึกสู่ระดับอำเภอในทุกจังหวัด

"ผมมองว่า ความต้องการบริการส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นวันนี้ ถือว่าได้ช่วยสร้างโอกาสทางรายได้ให้บรรดาไรเดอร์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางธุรกิจแบบนิวนอร์มอล ที่ผู้ดำเนินธุรกิจต้องปรับตัว ในส่วนของฟู้ดแพนด้า เราเน้นลงทุนเพื่อพัฒนาประโยชน์สูงสุดต่อ 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริโภค ผู้ค้ารายย่อยและร้านสตรีทฟู้ด ต่อไรเดอร์และพนักงานในองค์กร"

ซีอีโอ ฟู้ดแพนด้า ประเทศไทย ย้ำว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลัก (Key Market) ในภูมิภาคนี้ และเป็นตลาดที่ฟู้ดแพนด้าให้ความสำคัญที่สุด

ยันค่าGPหนุนทำตลาดให้ร้านค้า

เขากล่าวว่า แนวโน้มในธุรกิจนี้ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยน ความคุ้นชินกับการสั่งอาหารออนไลน์ การแข่งขันสูง ผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาร่วมทำตลาด ดันตลาดฟู้ด ดิลิเวอรี่ภาพรวมเติบโตเร็วขึ้น ซึ่งสร้างประโยชน์ให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้บริโภค พาร์ทเนอร์ ร้านอาหาร และไรเดอร์

ปัจจุบันฟู้ดแพนด้า ให้บริการครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งเรื่องสั่งอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค สั่งของจากตลาดสด มีพาร์ทเนอร์กว่า 150,000 ร้านค้า

เขากล่าวถึง โมเดลคิดค่าบริการของฟู้ดแพนด้า (GP) ด้วยว่า เน้นประโยชน์ผู้บริโภค พาร์ทเนอร์ร้านอาหาร และไรเดอร์เป็นสำคัญ การเก็บค่า GP ช่วยผลักดันยอดขายร้านอาหารให้สูงขึ้น การใช้แพลตฟอร์มฟู้ด ดิลิเวอรี่ เป็นการเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ๆ กระตุ้นการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ โดยแพลตฟอร์มจะนำส่วนแบ่งรายได้นี้ไปทำตลาดออนไลน์ให้ โปรโมทให้คนรู้จักร้านมากขึ้น โดยที่ร้านอาหารไม่ต้องลงทุนทำเดลิเวอรี่ด้วยตัวเอง ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

"ฟู้ดแพนด้า นำเงินรายได้ที่มาจากการหักเรต GP ไปต่อยอดพัฒนาแพลตฟอร์ม ลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมด้วยเช่นกัน เรารักษาระดับค่าบริการให้ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้และใช้บริการได้บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นประโยชน์กับทั้งผู้บริโภคและพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร" ซีอีโอ ฟู้ดแพนด้า กล่าว

ทุ่ม 115 ล.จัดแคมเปญเจาะเอสเอ็มอี

ล่าสุด ฟู้ดแพนด้า เพิ่งได้จัดแคมเปญเจาะกลุ่มเอสเอ็มอี ภายใต้ SupportSME 40 กับเงินลงทุนเพิ่มราว 115 ล้านบาท เงินทุนสนับสนุนดังกล่าวนี้ ฟู้ดแพนด้าได้จัดสรรเพิ่มเติมนอกเหนือจากงบประมาณ 26.2 ล้านบาท ที่ตั้งไว้เพื่อสนับสนุนดีลและโปรโมชั่นต่างๆ โดยจะมอบส่วนลดค่าอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภคที่ 40 บาทต่อรายการสั่งซื้อ ผ่านฟู้ดแพนด้า ที่มียอดขั้นต่ำที่ 120 บาทที่สิ้นสุดแคมเปญไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้บริโภคได้รับอาหารพร้อมส่วนลดพิเศษ จากการออกคูปองกว่า 1.15 ล้านสิทธิ์