‘แคมพ์ไฟ’ จุดสตาร์ทเกมเมอร์ เปลี่ยนคนเล่นสู่คนสร้าง!

โดย “แคมพ์ไฟ" (Campfire Engine) คือ ระบบอัตโนมัติของเกม หรือ ชุดคำสั่งหลังบ้านที่ใช้ในการพัฒนาเกม (Game Automated System) นั่นเอง

พลวัต ดีอันกอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมเมจ เอนจิน จำกัด กล่าวว่า แคมพ์ไฟพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักพัฒนาเกม ทั้งกลุ่มนักพัฒนามืออาชีพที่ต้องการลดต้นทุนในการผลิตเกม ไปจนถึงกลุ่มนักพัฒนามือใหม่ที่ยังขาดความรู้และความสามารถในการสร้างเกม โดยนักพัฒนาเกมสามารถสร้างได้อัตโนมัติผ่านแพลตฟอร์มภายในระยะเวลา 5 นาที 

ทางเลือกใหม่ของนวัตกร

“Campfire Engine” ทำงานด้วยเทคโนโลยีเอไอจึงสามารถปรับเปลี่ยนตัวละครในเกมได้อัตโนมัติตามขีดความสามารถของผู้เล่น และด้วยเทคโนโลยีเอไอทำให้ต้นทุนการพัฒนาเกมราคาถูกลง 1 พันเท่าและเร็วขึ้น ทั้งยังเปิดโอกาสให้กับนักพัฒนามือใหม่หรือผู้ที่ไม่มีทักษะด้านไอทีสามารถสร้างเกมเป็นของตัวเองได้ โดยไม่ต้องเขียนโค้ดขึ้นมาแม้แต่บรรทัดเดียว

“กลุ่มเป้าหมายของเรา คือ 1.กลุ่มนักพัฒนาเกมทั่วโลก กว่า 27.7 ล้านคน 2.กลุ่มผู้ที่ต้องการพัฒนาเกมแต่ไม่มีความรู้การเขียนโปรแกรม คาดการณ์อยู่ที่ 81 ล้านคนทั่วโลก 3. กลุ่มผู้พัฒนาเกมทั่วไปที่ต้องการใช้งานไลบรารี่เพื่อลดความยุ่งยากในการพัฒนาเกม คิดเป็น 10.4 ล้านคนทั่วโลก และ 4. กลุ่มผู้ที่ต้องการสร้างเกมแต่ไม่มีทรัพยากรหรือฮาร์ดแวร์ที่ดีพอ คาดการณ์ตัวเลขอยู่ที่ 54 ล้านคนทั่วโลก”

ขณะที่บิซิเนสโมเดลเป็นแบบ B2C และ B2B ส่วนช่องทางการจำหน่ายคือ 1.Steam ซอฟต์แวร์จำหน่ายดิจิทัล 2.Unity เกมเอนจินแบบข้ามแพลตฟอร์ม สำหรับใช้ในการพัฒนาวีดิโอเกมทั้งแบบ 2 มิติและ 3 มิติรวมทั้งการสร้างซิมูเลชันต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์, คอนโซล, สมาร์ททีวี, เว็บไซต์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ 3.Unreal Engine เกมเอนจินที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Epic Games 4.Google Play Store

จุดเด่นของการพัฒนา คือ ถูก และเร็วกว่าคู่แข่งเสมอ ผลงานทั้งหมดเกิดจากนักศึกษาระดับ Elite เพื่อฝึกฝนให้คนกลุ่มนี้เติบโตมาเป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพต่อไป ขณะเดียวกัน พลวัต บอกว่า ปัจจุบันตลาดของอุตสาหกรรมเกมนั้นกำลังเป็นที่จับตามองโดยทั่วโลกและเติบโตขึ้นทุกปี 

 

โดยเฉพาะตลาดพัฒนาเกมอินดี้ถูกยึดครองโดยสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการ “เกมเอนจิน” ได้แก่ Unreal Engine และ Unity โดยบริษัทสามารถ Plug ตัวเองเข้ากับสองแพลตฟอร์มนี้ได้ทันที และเข้าสู่ส่วนแบ่งของตลาดแบบโดยตรงผ่านทาง Epic Game Store, และ Unity Asset Store 

ส่วนต่อมาในด้านของตลาด Assets และ Library ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทจะอยู่ที่ 100% เพราะโครงการของบริษัทเป็นโครงการพัฒนา Framework ที่ครอบคลุมระบบ Template ทั้งหมดที่ใช้ในการสร้างเกม อาทิ 2D, 3D Assets, API ดังนั้นตัวเลขเม็ดเงินที่บริษัทสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้จะอยู่ที่ 1.56 ล้านล้านบาท

ผลงานจากแคมพ์ไฟได้ต่อยอดสู่งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น MFU Valley เกมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ออนไลน์ประจำปี 2563 ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นผู้กล้าที่จะต้องคอยต่อกรกับเหล่าปีศาจที่เข้ามารุกรานหุบเขา และพัฒนาตัวละครไปในแบบของตัวเอง

โปรแกรมทันตกรรม DigiproSmile มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลภายในช่องปากของคนไข้ นำไปสู่การดูและรักษาที่มีประสิทธิภาพ ประหยัด และแม่นยำกว่าวิธีการรักษาแบบเดิม อย่างไรก็ดี โปรแกรมนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

อีกทั้งโปรแกรม Web Based AR ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ทันทีโดยไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ สามารถทำงานได้ผ่านมือถือทุกเครื่องโดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น

หวังดันเชียงรายสู่ 'ฮับ'ซอฟต์แวร์-เกม

ทั้งนี้ จุดสตาร์ทของพลวัตมาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จึงวางเป้าหมายที่จะสร้างอีโคซิสเต็มของมหาวิทยาลัยและกลุ่มพัฒนาซอฟต์แวร์ในนาม “Pixel Art” เพื่อเปลี่ยนให้เชียงรายเป็นฮับของการพัฒนาซอฟต์แวร์ และเกมในภาคเหนือ ทั้งยังเป็นการปั้นนักศึกษาให้ก้าวข้ามข้อจำกัดของตนได้

“ภาพรวมอุตสาหกรรมทั้งโลกจะเติบโตแบบไม่หยุด เพราะถือเป็นหนึ่งในทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก เห็นได้จากตั้งแต่โควิดอุตสาหกรรมเกมโตขึ้น 12% ส่วนในไทยมองว่ายังอยู่ในสเกลเล็ก ดังนั้นถึงเวลาที่ต้องทำบางอย่างให้เกิดขึ้นจริง และเมื่อพูดถึงประเทศไทยก็จะมีชื่อเกมโดยฝีมือคนไทยที่พัฒนาและจำหน่ายเองขึ้นอยู่ในลิสต์ ทั้งตลาดในไทยโตได้กว่าที่อื่นเพราะมีผู้เล่นน้อยราย”

ส่วนด้านการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นปัญหาโลกแตก เพราะวิธีการแก้ไม่ใช่เรื่องของการมี firewall หรือระบบการป้องกันการแฮกที่ดี แต่เป็นเรื่องของการศึกษาและการสร้างจิตสำนึก การสร้างคอมมูนิตี้ ในอดีตเกม 99% ในตลาดเป็นเกมเถื่อน แต่ทุกวันนี้คนเปลี่ยนมาเล่นเกมแท้ 74% เพราะจิตใต้สำนึกคนเปลี่ยน การศึกษา ข้อมูลและเทคโนโลยีเข้าถึงทุกคน

ทั้งนี้การขยายสู่ต่างประเทศทั่วโลก ผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นจีน 77% และยุโรป 20% ส่วนคนไทยมีเพียง 3% ด้วยเพราะเป็นภาษาอังกฤษ อีกทั้งอีสปอร์ตก็ไม่เปิดกว้างมากนัก ในขณะที่ฝั่งยุโรปคนทำเรื่องพวกนี้ปกติ และคนจีนมองหาอะไรที่ง่ายและถูกจึงไม่แปลกที่ตลาดจะโตอย่างรวดเร็ว

หากแพลตฟอร์มเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะสร้างรายได้ ให้กับประเทศไทยอย่างน้อย 100 ร้อยล้านบาท ทั้งยังเปิดโอกาสให้กับประเทศไทยในการเป็นหนึ่งใน “ฮับ” ผู้ผลิตเกมที่ใหญ่ที่สุดภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยยกระดับให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปสู่การเป็น “ผู้จำหน่ายเกมมากกว่าเป็นผู้เล่นเกม”