‘5G - AR’ เทคโนโลยีปลดล็อค ศักยภาพใหม่ภาคอุตสาหกรรม

บ๊อบ ไซ ผู้บริหารฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่าย หัวเว่ย กล่าวว่า 5จี จะเป็นเทคโนโลยีที่เปิดทางให้เทคโนโลยีเออาร์ และในขณะเดียวกันเออาร์ก็จะทำให้เทคโนโลยี 5จี มีความสำคัญมากขึ้น

ในงานสัมมนา “Huawei's Better World Summit for 5G + AR” ซึ่งเป็นการประชุมเกี่ยวกับ 5จี และเทคโนโลยีเออาร์ครั้งสำคัญ หัวเว่ยได้เผยข้อมูลในสมุดปกข่าว “ข้อมูลเชิงลึก และการนำแอพพลิเคชั่นเออาร์ไปใช้งาน AR Insight and Application Practice)” ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเออาร์ ทั้งมุมของอุปกรณ์ แอพพลิเคชั่น และการเชื่อมต่อ โดยระบุว่า เออาร์จะช่วยขยายขอบเขตใหม่ๆ ให้แก่ภาคอุตสาหกรรม

หัวเว่ยและองค์กรอิสระได้คาดการณ์ว่า ตลาดของเออาร์จะมีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9.3 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568 โดยช่วงแรกจะได้เห็นการนำเออาร์ไปใช้งานอย่างแพร่หลายใน 5 อุตสาหกรรมหลัก

ได้แก่ ภาคการศึกษา เครือข่ายสังคมออนไลน์ ชอปปิง การท่องเที่ยวและการเดินทาง และเกมส์ โดยเออาร์จะสามารถเชื่อมต่อโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับโลกดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งจะทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงได้

เปิดมิติใหม่ ‘การสื่อสาร’

กรณีศึกษาที่หัวเว่ยนำเทคโนโลยีเออาร์มาใช้งาน เช่น เนื่องด้วยข้อจำกัดจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ลูกค้าจากทั่วโลกของหัวเว่ยไม่สามารถพบพนักงานด้วยตนเองได้ หัวเว่ยจึงนำเออาร์เข้ามาช่วยในการสาธิตการใช้งานอุปกรณ์และโซลูชั่นของหัวเว่ยผ่านออนไลน์ ทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพขึ้นมาก

นอกจากนี้ยังนำเออาร์เข้ามาช่วยในขั้นตอนการส่งมอบสถานีฐานของ 5จี ให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่การส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชันต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก

อีกตัวอย่างน่าสนใจใช้เออาร์สร้างสรรค์โปรแกรม “Air Photo” ซึ่งมีอัลกอริทึมที่เป็นเอกลักษณ์ในการแปลงให้ภาพสองมิติกลายเป็นโมเดลสามมิติ ช่วยให้กระบวนการสร้างโมเดลสามมิติโดยใช้เออาร์ง่ายขึ้นมาก รวมถึง “Huawei AR Engine” ที่นักพัฒนาสามารถนำมาต่อยอดสร้างเอฟเฟ็กต์เออาร์ขึ้นมาด้วยการเขียนโค้ดเพียงแค่ 10 บรรทัดซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเออาร์ได้เป็นอย่างมาก

“ภาคอุสาหกรรมควรทำงานร่วมกันเพื่อสร้างอีโคซิสเต็มของ 5จี และ เออาร์ อย่างยั่งยืน หากคุณต้องการไปต่อให้เร็วที่สุด จงไปคนเดียว แต่หากคุณต้องการไปต่อให้ไกลที่สุด จงไปด้วยกันกับคนอื่น”