จับตา ‘โซเชียล คอมเมิร์ซ’ พลิกเกมโลก 'ค้าออนไลน์'

จับตา ‘โซเชียล คอมเมิร์ซ’ พลิกเกมโลก 'ค้าออนไลน์'

สถานการณ์โควิด-19 เข้ามาเป็นตัวเร่งสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคชาวไทยก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ขณะเดียวกันผลักดันให้ตลาดอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด โดยมีการคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยปี 2564 จะขยายตัวได้ 15-20%

ผลสำรวจการใช้โซเชียลคอมเมิร์ซของคนไทยพบด้วยว่าช่วงโควิดร้านค้า 56% เข้ามาสู่โซเชียลคอมเมิร์ซ, มีผู้บริโภค 62% รู้สึกชื่นชอบการจับจ่ายผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ, 45% มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000-3,000 บาทช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และมากกว่า 50% ของพนักงานออฟฟิศและนักเรียน นักศึกษาใช้เวลาเลือกดูและเลือกซื้อสินค้าผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน

ที่น่าสนใจ แนวโน้มการจัดทำ ไลฟ์ คอมเมิร์ซ (Live commerce)” ในประเทศไทยก็เติบโตสูงมากเช่นกัน โดยช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการทำ “Live selling” คือ 19.00 น. ทำให้มูลค่ารวมของยอดขายสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยการเติบโตที่สูงกว่าระดับภูมิภาคเอเชียที่มีการขยายตัว 160%

ด้านจำนวนคำสั่งซื้อเติบโตเพิ่มขึ้น 210% จำนวนการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้น 300% จำนวนการแสดงความคิดเห็นเพิ่มขึ้น 283% ขณะนี้ในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะมีออเดอร์สูงสุดวันจันทร์ ช่วงเวลา 20.00 น.

เพิ่ม 2 ฟีเจอรใหม่ หวังโต40%

ช้อปไลน์เผยว่า 5 สินค้าที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคและมีการเลือกซื้อผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซมากที่สุดคือ อาหารและเครื่องดื่ม 28%, ของใช้ส่วนบุคคล 16%, โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน 8%, ของใช้ในบ้าน 6%, สินค้าเพื่อความสวยงาม 5% ขณะที่พฤติกรรมการซื้อสินค้าของไลฟ์คอมเมิร์ซหมวดหมู่ยอดนิยมจะเป็น ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ 37%, เครื่องแต่งกาย 28% และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 24%

สำหรับช้อปไลน์ ทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังเตรียมขยายการให้บริการบนแฟลตฟอร์ม เพื่อรองรับการเติบโตของไลฟ์คอมเมิร์ซ โดยมีแผนเปิดฟีเจอร์ใหม่ 2 รายการ ได้แก่ “LIVE bidding” ฟีเจอร์การประมูลแบบไลฟ์ และ “Golden Minutes” นาทีทอง สำหรับร้านค้าที่จะจัดกิจกรรมเล่นเกมกับลูกค้าเพื่อแจกของกำนัล

ช่วงครึ่งปีแรกจำนวนร้านค้าที่เข้ามาใช้บริการช้อปไลน์มีการเติบโต 10-15% ต่อเดือน ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือกว่า 30-40% และหากกระจายฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลวางไว้ คาดว่าจะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นและทำให้บรรยากาศการซื้อขายดีขึ้น