‘แอดไวซ์’ ลุ้นครึ่งปีหลัง ‘โต’ สวนกระแสไอทีชะลอ

‘แอดไวซ์’ ลุ้นครึ่งปีหลัง ‘โต’ สวนกระแสไอทีชะลอ

แม้วิกฤติโควิดจะเพิ่มความต้องการบริโภคสินค้าและบริการบนดิจิทัล ทว่ายังต้องลุ้นกันต่อว่าทิศทาง “ตลาดไอทีไทย” ครึ่งปีหลังจะเป็นไปในทิศทางใด

เพราะแม้ยังมีดีมานด์ที่สามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมเติบโต แต่อีกทางหนึ่งยังมีความท้าทายทั้งด้านการแพร่ระบาดของโรคและสภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกำลังซื้อ ซ้ำมีปัญหาซัพพลายที่ยังคงขาดแคลน

จักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ผู้ค้าปลีกและค้าส่งอุปกรณ์ไอทีรายใหญ่ กล่าวว่า ภาพรวมการใช้จ่ายไอทีประเทศไทยปี 2564 เทียบกับปีที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลง เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤติโควิด สภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงซัพพลายที่ขาดตลาด อีกทางหนึ่งผู้บริโภคใช้จ่ายอุปกรณ์ไอทีเพื่อเวิร์คฟรอมโฮมและเรียนออนไลน์ไปบ้างแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

ประเมินขณะนี้นับว่าตลาดยังมีดีมานด์อยู่ ด้วยไอทีเป็นหนึ่งในไม่กี่อุตสาหกรรมที่ได้รับกระทบน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่น สถานการณ์ล็อกดาวน์กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าไอทีเพื่อนำไปใช้ทำงานหรือเรียนออนไลน์ และคาดว่าการซื้อสินค้าบนอีคอมเมิร์ซจะเติบโตมากขึ้น เมื่อถึงปี 2566 มีแนวโน้มว่าสัดส่วนยอดขายจากช่องทางออนไลน์จะเพิ่มไปได้ถึง 50% จากปีนี้มีอยู่ราว 20-25%

สำหรับแอดไวซ์คาดว่า สามารถเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ยังไม่อาจตอบได้ว่าจะเติบโตได้มากกว่าปีที่ผ่านมาหรือไม่ เนื่องจากถูกจำกัดด้วยปัจจัยดังกล่าว และซัพพลายที่ไม่เพียงพอกับความต้องการ

อย่างไรก็ดี การเติบโตของธุรกิจมีปัจจัยมาจากช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแรง ไม่ได้อยู่บนห้างสรรพสินค้า รายได้หลักยังมาจากตลาดต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ขณะนี้สาขาที่อยู่ในห้างมีไม่ถึง 10% ฉะนั้นได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์น้อยกว่ารายอื่นๆ ขณะเดียวกันด้วยการทำงานอยู่บนเว็บเบสอยู่แล้ว จึงสามารถทรานส์ฟอร์มไปสู่ดิจิทัลได้เร็ว

162942408439

ปรับตัวมุ่งทำตลาด-บริการเชิงรุก

จักรกฤชเผยว่า ครึ่งปีแรกยังเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ โดยสาขาที่เปิดใหม่มีที่จังหวัดหนองบัวลำภูและชัยนาท ส่วนในกรุงเทพฯ มี 2 แห่ง ได้แก่ สาขาในไทวัสดุบางนาและสาขาเซ็นทรัลพระรามสอง ซึ่งหากสถานการณ์โควิดดีขึ้นคาดว่าจะเปิดได้ในเดือนก.ย. ทั้งมีแผนที่จะปรับปรุงร้านรวมถึงขยายพื้นที่ให้เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละพื้นที่ และเอื้อต่อการขยายตลาดไปที่กลุ่มองค์กรและกลุ่มราชการมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การรับมือกับสถานการณ์โควิดในปีนี้ไม่แตกต่างกับปีที่ผ่านมามากนัก การปรับตัวเน้นการทำตลาดและการให้บริการเชิงรุก ที่ผ่านมามีปรับปรุงการดำเนินงานและบริหารจัดการต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการที่สาขา บริการจัดส่งถึงบ้าน พร้อมยกระดับการบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์นิวนอร์มอล

พร้อมกันนี้ มุ่งเน้นการทำตลาดบนออนไลน์ ทั้งในส่วนของช่องทางหลักของตนเอง รวมถึงขยายช่องทางในส่วนของอีมาร์เก็ตเพลสและโซเชียลคอมเมิร์ช เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในส่วนนี้

ส่วนการทำงานภายในใช้โมเดลการทำงานที่ยืดหยุ่น ให้บุคลากรกว่า 80% เวิร์คฟรอมโฮม ส่วนคลังสินค้าและโลจิสติกส์ที่ต้องใช้พนักงานในการจัดสินค้าเพื่อจัดส่งไปตามออเดอร์ มีระบบการโครงสร้างพื้นฐานไอทีสำหรับใช้ในการติดต่อและสื่อสารภายในองค์กร รวมทั้งลูกค้าด้วยการทำงานแบบไร้กระดาษ (paperless) พร้อมวางมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

ไอทีไทยยังโตได้สวนกระแส

แอดไวซ์ระบุว่า สัดส่วนรายได้มาจากการขายปลีก 60% ขายส่ง 40% หลักๆ ยังมาจากกลุ่มคอนซูเมอร์ ส่วนคอมเมอร์เชียลยังมีอยู่น้อยคาดว่าในปีนี้หากไม่มีปัญหาซัพพลายทั้งสองกลุ่มยังมีโอกาสเติบโต โดย 3 กลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้หลักมาจากพีซีแบรนด์ คอมพ์ดีไอวาย และเครื่องพิมพ์ นอกจากนั้นสินค้าที่ขายดีคือการ์ดจอแต่ยังขึ้นอยู่กับซัพพลาย

โดยรวมคาดว่า ปีนี้รายได้ที่มาจากออนไลน์จะมีสัดส่วนประมาณ 25% จากปีที่ผ่านมามีอยู่ราว 19% ปัจจุบันแอดไวซ์มีสาขาครอบคลุมกว่า 350 สาขาทั่วประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

พร้อมระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ในฐานะผู้ประกอบการหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น

แต่ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต้องหาวิธีการเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากขึ้น หรือพยายามเข้าไปกินส่วนแบ่งจากรายอื่นๆ โดยการขยายฐานไปที่ตลาดองค์กรมากขึ้น พร้อมเพิ่มจุดต่างและขีดความสามารถการแข่งขันทั้งด้านการขายและบริการ เชื่อว่าตลาดไอทีไทยยังมีโอกาสโต จากทั้งปัจจัยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น