อะโทมี่ ขนทัพโซลูชันซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ตอบโจทย์ขาช้อปไทย
อะโทมี่ (Atome ) แบรนด์ผู้นำด้านบริการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง (buy now pay later) ในเอเชีย เดินหน้าส่งโซลูชันตอบโจทย์ขาช้อป หวังรุกตลาดรีเทลไทย ตัวช่วยผู้บริโภคช่วงวิกฤติ
ภูมิพงษ์ ตันเจริญผล ผู้จัดการทั่วไป Atome ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การได้ร่วมงานกับ Atome นับเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก รวมถึงการเปิดตัวแบรนด์ในประเทศไทย วิกฤติโควิด-19 นับเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จากความร่วมมือและนวัตกรรมด้านการค้าบนแพลตฟอร์มดิจิทัล บริการ buy now pay later จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมค้าปลีก
พร้อมที่จะแนะนำแพลตฟอร์มบริการ buy now pay later ระดับโลกให้ผู้บริโภคไทยได้รู้จัก ซึ่งเป็นวิถีการช้อปปิงและชำระค่าสินค้าที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพและสะดวกกว่า รวมถึงได้ประโยชน์ทั้งฝั่งธุรกิจค้าปลีกและผู้บริโภค สิ่งที่เราให้ความสำคัญในตอนนี้คือ การสร้างพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจในประเทศ สร้างทีมบริหารทรัพยากรบุคคล และทีมการตลาด รวมถึงทีมปฏิบัติการในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมธุรกิจร้านค้าพาร์ทเนอร์สู่ความสำเร็จได้
ซึ่งอะโทมี่ ได้เปิดตัวบริการ “buy now, pay later” ในสิงคโปร์เมื่อธันวาคม ปี 2562 โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ทั้งนี้อะโทมี่ มอบทางเลือก ความสะดวกสบาย และความยืดหยุ่น ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกวิธีการซื้อสินค้าและชำระเงินด้วยการแบ่งยอดชำระออกเป็น 3 ครั้ง ครั้งละเท่าๆ กัน โดยไม่คิดดอกเบี้ย และไม่มีค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการรายปี ในการลงทะเบียนเปิดบัญชี ผู้บริโภคเพียงแค่เชื่อมบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่เปิดใช้บริการเข้ากับระบบ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มยอดขายและคำสั่งซื้อเฉลี่ยรวมถึงขยายกลุ่มลูกค้าสำหรับร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์
ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาอะโทมี่ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง และประเทศจีน โดยปัจจุบันให้บริการตัวเลือกชำระเงินตามจุดชำระเงินในกว่า 5,000 ร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยส่วนใหญ่เป็นร้านค้ากลุ่มแฟชั่น ความงาม ท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์ แบรนด์พาร์ทเนอร์สำคัญ อาทิ ZALORA, Sephora, Agoda, SHEIN, ZARA, Marks & Spencer, Charles & Keith, Aldo, Furla, Pandora และแบรนด์อื่นๆอีกมากมาย โดยร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขายกว่า 30% หลังผสานบริการของ Atome เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการชำระเงิน
ภูมิพงษ์ กล่าวต่อไปว่า การใช้งานแบ่งจ่ายในอโตมี่ ขั้นต่ำ 100 บาทขึ้นไปครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า หากลูกค้าผูกกับบัตรเดบิตจะได้วงเงิน 10,000 บาท ถ้าผูกบัตรเครดิตได้วงเงิน 20,000 บาท แต่หลังจากนี้ เมื่อบริษัทมีดาต้าลูกค้ามากพอ จะมีการเพิ่มวงเงินมากขึ้น
ด้าน เดวิด เฉิน ผู้ก่อตั้ง Atome กล่าวว่า การขยายธุรกิจมายังประเทศไทย ด้วยประสบการณ์การบริหารและความรู้ด้านธุรกิจค้าปลีก การค้าดิจิทัลและฟินเทค จะช่วยยกระดับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและสร้างการเติบโตที่รวดเร็วในเอเชียได้อย่างแน่นอน โดยชื่อ Atome มาจากคำว่า “available to me” ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีทางการชำระเงินที่ดีกว่าและทันสมัยกว่า เพื่อมอบช่องทางในการเข้าถึงและเพิ่มความสามารถในการซื้อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพให้แก่ผู้บริโภคในยุคดิจทัล
ส่วนทางด้านคู่แข่งในไทยนั้นยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงและคาดว่าอะโทมี่น่าจะเป็นรายแรกๆ ที่เปิดตัวเป็นช่องทางชำระ BNPL ทั้งนี้อะโทมี่ตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปีนี้มีผู้ใช้แอพฯสูงถึง 200,000 คน และภายในสิ้นปี 2565 จะมีผู้ใช้ทะลุ 2 ล้านคน