NTT DATA ยก อุตฯ ยานยนต์ไทย ศักยภาพล้น แนะดึง ดิจิทัล เสริมจุดแข็ง
เอ็นทีที เดต้า ยักษ์ดิจิทัลญี่ปุ่น ยก อุตฯยานยนต์ - ผลิตชิ้นส่วนของไทย ศักยภาพสูง ยุทธศาสตร์ประเทศดีสมเป็น "ฮับอาเซียน" เครื่องจักรผลิตมีคุณภาพ ระบบขนส่งทางบก ทางน้ำดี รัฐส่งเสริมเต็มที่ โครงข่าย 5จี พร้อม แนะปรับกระบวนการทำงานสู่ดิจิทัล สร้างโอกาสแข่งขัน
"ฮิโรนาริ โทมิโอกะ" ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NTT DATA (Thailand) ในเครือบริษัท เอ็นทีที เดต้า คอร์ปอเรชัน จำกัด เปิดเผยว่า มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของ อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และ อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนเพื่อประกอบยานยนต์ ของประเทศไทย โดยมี 5 จุดแข็งสำคัญ ได้แก่
1.ยุทธศาสตร์ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 11 ของโลก และเป็นอันดับที่5 ของเอเชีย โดยเป็นรองเพียงประเทศจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ ทั้งยังเป็นฐานการผลิตเป็นสินค้าประเภทอื่น เช่น สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคและบริโภค ฯลฯ ที่สำคัญของโลก
2.มีระบบขนส่งทางบกและทางน้ำโดยเฉพาะท่าเรือน้ำลึกมีศักยภาพส่งออกสินค้าข้ามทวีป
3.ประเทศไทยเป็นฐานของอุตสาหกรรมการยานยนต์และอุตสาหกรรมการผลิตมานาน เครื่องจักรมีคุณภาพและมาตรฐานการผลิตเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
4.ภาครัฐให้นโยบายการสนับสนุนยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมเต็มที่
เช่น นโยบายผลักดันไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก รวมถึงศูนย์กลางการผลิตรถไฟฟ้าทุกประเภทของภูมิภาค ด้วยเป้าหมายผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศในปี 2568 จะมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,051,000 คัน ไปพร้อมกับการเร่งพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อดึงดูดผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจากทั่วโลก 5.มีโครงข่ายโทรคมนาคมที่ทันสมัย โดยเป็นประเทศต้นๆ ในภูมิภาคที่มีการลงทุนขยายเครือข่าย 5จี ต่อเนื่องพร้อมรองรับการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนเพื่อประกอบรถยนต์ในประเทศไทย กำลังถูกท้าทาย ด้วยทั่วโลกกำลังมุ่งนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
นอกจากนี้ยังมี แนวคิด “MaaS (Mobility as a Service)” เปรียบได้กับคลื่นลูกใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า, Connected Car, ระบบขับขี่อัตโนมัติ และอื่นๆ และแนวคิดนี้กำลังวิวัฒนาการไปพร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยี 5จี และ IoT
“อุตสาหกรรยานยนต์และอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนเพื่อประกอบรถยนต์จำเป็นต้องมีการวางกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีให้สอดคล้องเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและสร้างโอกาสทางการแข่งขันด้วย 4 กลยุทธ์สำคัญ คือ
1.Digital Supply Chain and Connected Manufacturing นำเทคโนโลยีและข้อมูลเข้ามาเป็นศูนย์กลาง เพื่อเปลี่ยนกระบวนการการผลิตและการจัดจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล
2.Engaging the Changing Workforce เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการทำงานของพนักงานทุกคน ผ่านการใช้ข้อมูลเชิงลึกปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานและการดูแลพนักงานของธุรกิจอย่างชาญฉลาด
3.Customer Centricity นำข้อมูลเชิงลึกและพฤติกรรมของลูกค้ามาออกแบบสินค้าและบริการโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
4.Digital Smart Products พัฒนาปรับปรุงเทคโนโลยียานยนต์ครบทุกมิติ ตั้งแต่การเชื่อมต่อ, การเสริม AI ในยานยนต์ไร้คนขับ, การใช้พลังงานไฟฟ้าและการนำเสนอ Digital Product ที่หลากหลายไปกับยานยนต์”
นายฮิโรนาริ กล่าวเสริมว่า ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การวางแผนเพิ่มการใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับการทำงานให้เป็นดิจิทัล ด้วยการมุ่งสร้างนวัตกรรมจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับสร้างประสบการณ์ใหม่อำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค ที่ผ่านมา NTT DATA ร่วมกับพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของโลก พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับรวบรวมข้อมูลต่างๆ ผ่านยานพาหนะ Connected Car เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
มากไปกว่านั้น คือ การยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภคในด้านยานยนต์อัจฉริยะที่มีความปลอดภัยและประหยัดพลังงานสูง และยังต่อยอดสู่การริเริ่มบริการ MaaS ได้อีกด้วย
ส่วนอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วน เพื่อประกอบรถยนต์ จำเป็นต้องพัฒนากระบวนการทำงานของธุรกิจ (Business Process Improvement หรือ BPI)โดยมีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญการในด้านการนำเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เป็นดิจิทัล ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ มาช่วยวางแผนเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิผล และตรงตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ลดเวลาการทำงาน และความสูญเสียที่ไม่จำเป็น