COM7 เผยยอดจอง iPhone13 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
COM7 เผยกระแสตอบรับ iPhone13 ดีเกินคาด ทำยอดจองได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ iPhone 13 Pro Max 256GB สีเซียร์ร่าบลู ขายดีสุด จับตาโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ตลาดยิ่งคึกคัก รับไฮซีซั่นสินค้าเทคโนโลยี
นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกไอทีรายใหญ่ และตัวแทนจำหน่ายสินค้า Apple รายใหญ่ที่สุดในไทย เผยว่า กระแสการตอบรับ iPhone 13 ที่มีกำหนดเปิดจองเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา และวางจำหน่ายวันแรก 8 ตุลาคม นั้นดีเกินคาด
บรรยากาศตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง กระทั่งวางจำหน่ายมีความคึกคัก ลูกค้าให้ความสนใจอย่างมากจนทำให้ยอดจอง iPhone 13 ของบริษัทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเปิดจอง คือ iPhone 13 Pro Max 256GB สีเซียร์ร่าบลู
“สินค้ามีมาเท่าไรก็ไม่พอขาย เทียบกับปีที่ผ่านมานับว่าดีกว่า ปัจจัยที่ทำให้ขายดีคาดว่ามาจากทั้งประสิทธิภาพของกล้อง การถ่ายวีดิโอ ขณะเดียวกันโควิดส่งผลกระทบด้านการเงินต่อลูกค้าระดับกลางและบนน้อยกว่า ทำให้ลูกค้านำเงินมาใช้จ่ายกับสินค้าไอที ทั้งลูกค้าส่วนใหญ่ของไอโฟนมักไม่ค่อยเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่น”
อย่างไรก็ดี ปีนี้ไทยได้สิทธิจำหน่ายไอโฟนเร็วกว่าครั้งก่อนๆ ปีที่แล้วมีกำหนดขายวันที่ 21 ธ.ค.ปีนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. ซึ่งจะส่งผลให้คอมเซเว่นสามารถรับรู้รายได้ได้เร็วขึ้น และคาดว่าจะมีส่วนทำให้รายได้ไตรมาสนี้ทำได้ดีที่สุด
COM7 มองว่า iPhone ยังคงครองสินค้ายอดนิยมที่มีแฟนคลับอย่างเหนียวแน่น จากการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง สถานการณ์โควิด-19 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเร่งให้ผู้บริโภคใช้อุปกรณ์สื่อสารเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลมากขึ้น ทั้งการทำธุรกรรมออนไลน์ การซื้อ-ขายสินค้า และการติดต่อผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งมี 5G ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสาร
ปัจจุบัน COM7 มีสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัททั้งหมด 958 สาขา แบ่งเป็น BaNANA 353 สาขา Studio7 109 สาขา, KingKong Phone 85 สาขา, True Shop by Com7 123 สาขา, แฟรนไชส์ 109 สาขา, BKK 43 สาขา, iCare 30 สาขา และอื่นๆ 106 สาขา ขณะนี้จำหน่ายสินค้ากลุ่ม Apple และ iPhone ผ่านร้านค้าประมาณ 700 สาขา
สำหรับแผนขยายสาขา จากสิ้นปีนี้ที่จะเพิ่มไปถึง 1,000 สาขา ปีหน้าจะเน้นไปที่ร้านค้านอกห้างสรรพสินค้า หรือป็อปอัพสโตร์มากขึ้น โดยภายใน 2-3 ปี ตั้งเป้าว่าจะมีสาขาที่อยู่นอกห้างในทุกจังหวัด และเมื่อขยายไปได้ถึง 1,500 สาขา น่าจะเพียงพอและจะไปพิจารณาขยายและพัฒนาในส่วนอื่นๆ แทน โดยปกติแต่ละปีจะใช้งบการขยายสาขาปีละ 300-400 ล้านบาท
นอกจากนี้ เพิ่มโฟกัสช่องทางออนไลน์มากขึ้น ปีนี้ช่องทางออนไลน์เติบโตหลายร้อยเปอร์เซ็น ทว่าสัดส่วนยังมีเพียงประมาณ 6% ของยอดขายรวม ส่วนปีหน้าตั้งเป้าว่าจะเพิ่มไปถึง 10% และภายใน 2-3 ปีหวังขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 ผู้จำหน่ายสินค้าไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าออนไลน์
เขากล่าวว่า ภาพรวมยอดขายช่วงไตรมาส 4 ปีมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพราะยังมีสินค้าเรือธงรุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์ชั้นนำทยอยเปิดตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งโดยปกติเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดไอที ปัจจุบันคอมเซเว่นมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มตลาดค้าปลีกไอทีราว 15%
นอกจากนี้ หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะยิ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค และปัจจัยเร่งการเติบโตของคอมเซเว่นให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโต 20% จากปีก่อน อยู่ที่ราว 37,352 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ที่มาจากกลุ่มมือถือมีอยู่กว่า 50%
“ไตรมาสที่ 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดไอที ในฐานะตัวแทนจำหน่ายมีแผนทำตลาดอย่างครอบคลุมในทุกแบรนด์ รวมถึงพยายามสร้างการเติบโตจากโมเดลธุรกิจและสินค้าใหม่ๆ โดยจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรเช่น อินเด็กซ์ ทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย”
ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลต่อการเติบโต หลักๆ คือปัญหาซัพพลายที่ทำให้จำนวนสินค้าที่นำเข้ามาจำหน่ายมีข้อจำกัด และเชื่อว่าปีนี้สถานการณ์จะยังไม่คลี่คลาย แต่ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น คอมเซเว่นก็น่าจะมียอดขายที่ดีขึ้น อีกปัจจัยที่น่าจับตามองคือ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงซึ่งอาจทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น