‘เอคเซนเชอร์’ ทุ่มลงทุนไทย ตั้งศูนย์นวัตกรรมปลุกธุรกิจ
“เอคเซนเชอร์” เปิดศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในประเทศไทย หนุนการเติบโตเศรษฐกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยียุคใหม่ ปลุกภาคธุรกิจรับมือความเปลี่ยนแปลง "โลกไฮเปอร์ดิจิทัล" มองไทยตลาดมีศักยภาพ คาดปี 2565 ลงทุนไอทีมีแนวโน้มขยายตัว 10%
นายดิวีเยช วิทลานี่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอคเซนเชอร์ กล่าวว่า เอคเซนเชอร์ ได้เปิดตัว ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง (Advanced Technology Center Thailand: ATCT) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายสำคัญมุ่งสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเร่งพัฒนานวัตกรรมขั้นสูง และขยายขีดความสามารถด้านไอที และความสามารถการแข่งขันในเวทีโลก โดยที่จะเน้นอย่างมากคือ การปรับใช้เทคโนโลยีเอไอ คลาวด์ ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ และดาต้าอนาไลติกส์
พร้อมกันนี้พัฒนากำลังคนและบุคลากรให้มีทักษะและความพร้อมสำหรับอนาคต สอดคล้องไปความต้องการของธุรกิจที่พัฒนาไปตามโลกไฮเปอร์ดิจิทัล ผ่านโครงการความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรร่วมกับองค์กรธุรกิจและแวดวงเทคโนโลยีระดับภูมิภาค รวมทั้งหน่วยงานวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศ
เขากล่าวว่า ศูนย์ฯ แห่งใหม่นี้ ตั้งเป้าจ้างงานผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีกว่า 300 คน เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าองค์กรต่างๆ ให้สามารถเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจใหม่ๆ ยกระดับขีดความสามารถเสริมความคล่องตัวในการทำงานและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด รวมถึงการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน
เอคเซนเชอร์ มีมุมมองว่า ไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพและความโดดเด่นในหลายๆ นับเป็นตลาดที่มีความพร้อมรองรับการเติบโตและการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ จากตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของตลาดไอทีและดิจิทัลซึ่งจะโตได้ถึง 10% ในปี 2565
นอกจากนี้ ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่เอคเซนเชอร์เข้ามาก่อตั้งธุรกิจฐานลูกค้าในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักๆ เช่น การเงินการธนาคาร, อุปโภคบริโภค และเฮลธ์แคร์ ขณะเดียวกัน เห็นความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้ามาโดยตลอด แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบันคือมีความต้องการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและความสามารถใหม่ๆ ในการทำงาน
“เราเชื่อมั่นว่าศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในประเทศไทยนี้จะช่วยลูกค้าและองค์กรต่างๆ ปรับเปลี่ยนการทำงานด้านดิจิทัลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ เพิ่มความคล่องตัวให้ทันกับโอกาสและการสร้างรายได้ใหม่ๆ ที่เข้ามาได้อย่างทันท่วงที”
นางสาวนิธินันท์ สมบูรณ์วิทย์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า บริษัทต้องการสร้างนักพัฒนาเทคโนโลยีรุ่นใหม่ในไทย และพร้อมเดินหน้าลงทุนในทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นสินทรัพย์อันทรงคุณค่าและมีความสำคัญมากที่สุดต่อการพัฒนาในภูมิภาค
อย่างไรก็ดี การเปิดตัวศูนย์ดังกล่าวจะช่วยให้สามารถนำศักยภาพของเครือข่ายในภาคธุรกิจและเทคโนโลยีของภูมิภาคมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยจะทำหน้าที่เชื่อมโยง และดึงเอาความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนแนวคิดในการทำงานที่มีประสิทธิภาพจากทั่วโลก เข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้กับลูกค้าทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาค
ทั้งนี้ ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในประเทศไทย มีกำหนดเปิดทำการอย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนพ.ย. 2564 มาพร้อมรูปแบบการให้บริการที่ล้ำหน้า ยืดหยุ่น คล่องตัว และระบบอัตโนมัติสมรรถนะสูง ลูกค้าจะมีโอกาสเข้าถึงโซลูชั่นเทคโนโลยีที่หลากหลาย รองรับการข้ามสายธุรกิจ ทั้งยังสามารถใช้งานได้บนหลากหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งรวมทั้งโซลูชั่นบนมือถือ เทคโนโลยีคลาวด์ ระบบทดสอบอัตโนมัติ และบริการด้านความปลอดภัยด้านไอที
การศึกษาพบว่า 76% ของลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่น หลังจากมีประสบการณ์ไม่ดีเพียงหนเดียว สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลง จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่องค์กรต้องมีการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและธุรกิจ ด้วยการทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ตอบสนองให้ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลว่าแบรนด์จะประสบความสำเร็จหรือพังลง