‘อีคอมเมิร์ซ ไทยคึกแห่ช้อป 11.11 ‘Lazada-Shopee ยอดพุ่ง 200%

อีคอมเมิร์ซไทยคึกคนแห่ช้อป 11.11 สองยักษ์กวาดยอดขายพุ่ง “ลาซาด้า” ทุบสถิติยอดโต 200% ใน 2 ชั่วโมงแรก ผู้ค้ารายย่อยกวาดยอดขายแสนบาทเพิ่มขึ้น 300% “โทรศัพท์มือถือ” แชมป์สินค้าขายดี “ช้อปปี้” ยอดขายพุ่งกว่า 11 ล้านชิ้นใน 5 นาทีแรก ย้ำภาพรวมอีคอมเมิร์ซทุกกลุ่มปีนี้ยังโตต่อเนื่อง เอ็ตด้าคาดทะลุ 4.4 ล้านล้านบาท สำนักวิจัยตลาด ชี้ มหกรรมช้อปเลขคู่ปัจจัยหนุน

มหกรรมช้อป 11.11 ยังคงสร้างปรากฎการณ์ความคึกคักให้กับอีคอมเมิร์ซไทยได้ไม่น้อย แค่เพียง 1 วัน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เป็นเจ้าตลาดในไทยอย่าง“ลาซาด้า และ ช้อปปี้” เผยสถิติที่น่าสนใจหลายเรื่อง โดยภาพรวมกระตุ้นการซื้อขายออนไลน์ในไทยได้เพียงวันเดียวไม่ต่ำกว่า 100-200% ย้ำภาพอีคอมเมิร์ซไทยยังมีแรงหนุน

นางสาวสุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ช้อปปี้ ประเทศไทย กล่าวว่า ช้อปปี้ทำสถิติใหม่มหกรรมชอปปิง “Shopee 11.11 Big Sale” ด้วยยอดขายที่พุ่งทะยานกว่า 11 ล้านชิ้น ภายใน 5 นาทีแรกของวันที่ 11 พ.ย. ขณะเดียวกันมีนักช้อปเข้าช้อปปี้เพิ่มขึ้น 5.5 เท่าในสองชั่วโมงแรกเมื่อเทียบกับวันปกติ

ขณะที่ หมวดหมู่สินค้าที่ได้รับความนิยมที่สุดในกลุ่มนักช้อปชาวไทยได้แก่ ผลิตภัณฑ์ซักรีดและอุปกรณ์ทำความสะอาด, อุปกรณ์เสริมมือถือ และผลิตภัณฑ์ห้องครัวและห้องอาหาร
 

รายย่อยฟันยอด3.5ล.ใน2ชม.แรก

ข้อมูลระบุว่า ชาวไทยนิยมสต็อกกระดาษทิชชู่แบบพกพา และก้านน้ำหอมปรับอากาศ โดยสินค้ากว่า 180,000 ชิ้นถูกจำหน่ายออกไปภายในช่วงเวลาเริ่มเปิดขาย นอกจากนี้สินค้ากลุ่ม สกินแคร์ ยังเป็นที่ต้องการอย่างสูงด้วยยอดขายมากกว่า 30,000 ชิ้น

นอกจากนี้ พบด้วยว่า ผู้ขายรายย่อยรายหนึ่ง ขายสินค้าประเภทความงาม ของใช้ส่วนตัวมียอดขายราว 3.5 ล้านบาทภายใน 2 ชั่วโมงแรก และผู้ใช้งานรายหนึ่งมีการจับจ่ายใน 1 ออเดอร์มูลค่าสูงถึง 180,000 บาท โดยเลือกซื้อสินค้าอย่าง แล็ปท็อป และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

นางสาวสุชญา กล่าวด้วยว่า เหล่านักช้อป ยังมีการติดตาม Shopee Live เพื่อร่วมต้อนรับและเค้าท์ดาวน์การเปิดตัวแคมเปญ มียอดรับชมสูงกว่า 620,000 วิว ซึ่งในงานนี้ ช้อปปี้ ได้แจก Shopee Coins และโค้ดส่วนลดสูงสุด 90% เพื่อให้นักช้อปนำไปช้อปบนช้อปปี้ด้วย

ลาซาด้า ยอดขายทะยานกว่า 200%

ขณะที่ ลาซาด้า ประเทศไทย เผยว่าครั้งนี้ ทุบทุกสถิติที่ผ่านมาตั้งแต่ 2 ชั่วโมงแรก มีจำนวนสินค้าที่ขายได้โตกว่า 200% และมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 120% ดันจำนวนผู้ขายที่รายได้มากกว่า 100,000 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 300% เมื่อเทียบกับแคมเปญ 11.11 ปีที่แล้ว 

โดยสถิติช้อปที่น่าสนใจช่วง 2 ชั่วโมงแรก ได้แก่ แบรนด์ดังจาก LazMall ที่มีออเดอร์สูงสุดใน 2 ชั่วโมงแรก ได้แก่ Sabina, MamyPoko, BabyLove ขณะที่ ยอดคำสั่งซื้อที่สูงที่สุดใน 1 ออเดอร์ มูลค่ากว่า 320,000 บาท ไอเทมยอดฮิต ได้แก่ 1.เสื้อผ้าผู้หญิง เช่น เสื้อ เดรส 2.สกินแคร์ เช่น เซรั่ม ครีมกันแดด 3.ของใช้ส่วนตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย
 

อีคอมเมิร์ซปีนี้ทะลุ 4.4 ล้านล้าน

นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ เอ็ตด้า กล่าวว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลให้เกิดการดำเนินชีวิตในรูปแบบใหม่ มีการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก และจำนวนผู้ประกอบการในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ามูลค่าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยในปี 2564 เติบโตอยู่ที่ 4.01 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายหลังจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 หรือเติบโต 6.11% จากปีที่ผ่านมา

“โควิด-19 สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างมีนัยสำคัญใน 5 ประเด็น คือ 1.ผู้บริโภคใช้ชีวิตติดกับดิจิทัลมากขึ้น 2.การเติบโตของแพลตฟอร์ม Ride-Hailing 3.การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 4. กลยุทธ์การส่งเสริมการขายสินค้าและแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส และ 5.การขยายบริการใหม่ในธุรกิจโลจิกติกส์แบบครบวงจร ทั้งคลังสินค้าและการจัดส่ง หรือ ฟลูฟิลเมนต์”
 

เทศกาลลดราคา-ดับเบิลเดย์ หนุน 

ขณะที่ ไอไพรซ์ กรุ๊ป (iPrice Group) บริษัทวิจัยการตลาดออนไลน์ เผยว่า ทิศทางตลาดอีคอมเมิร์ซในทุกๆ ปีจะพุ่งสูงขึ้นช่วงเทศกาลลดราคาส่งท้ายปี หรือมหกรรมเลขคู่ที่กำลังได้รับความนิยม โดยมี 3 ปัจจัยความสำเร็จซึ่งช่วยเพิ่มโอกาส ทำให้มูลค่าธุรกิจนี้มาแรงแบบฉุดไม่อยู่มากขึ้น ประกอบด้วย

ครึ่งปีแรก 2564 VS 2563 ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 31% อาจเพราะมีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในภูมิภาคทำให้จำนวนผู้เข้าชมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงระยะเวลาล็อกดาวน์ที่นานขึ้นทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น ตั้งแต่เดือนม.ค.ถึงมิ.ย.ปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ไอไพรซ์กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจใช้จ่ายเฉลี่ย 40 ดอลลาร์ต่อคนภายในสิ้นปี 2564 จากข้อมูลระหว่างช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 และครึ่งปีแรก 2564 พบว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยเฉลี่ยในปี 2563 เพิ่มขึ้น 26% โดยผู้บริโภคใช้จ่ายประมาณ 32 ดอลลาร์ต่อคน การซื้อส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่หมวดหมู่สินค้าประเภทกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง ตามมาด้วยหมวดหมู่สินค้าของตกแต่งบ้านและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์