‘หัวเว่ย’ ชี้ 5G ก้าวสำคัญ ‘ดิจิทัล อีโคโนมี’ ประเทศไทย

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “5G รับโลกอนาคต” ในงาน 5G BIG MOVE .. ประเทศไทยสู่ DIGITAL HUB อาเซียน ว่า 5จี เป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนผ่านครั้งใหม่ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม แต่ยังเป็นก้าวสำคัญต่อการพัฒนาดิจิทัลอีโคโนมี ภาพรวมเศรษฐกิจ การเติบโตจีดีพี และอนาคตของประเทศไทย

ปัจจุบัน ทุกภาคส่วนกำลังเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเมกะเทรนด์ทางเทคโนโลยีอย่าง5จี คลาวด์ เอไอ บิ๊กดาต้า ไอโอที ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นรากฐานที่สำคัญ

ทั้งนี้ มีการคาดการ์ว่า ภายใน 5ปี จากนี้ทั่วโลกจะมีอุปกรณ์อัจฉริยะกว่า 4 หมื่นล้านชิ้นที่เชื่อมต่อถึงกัน หรืออีกนัยหนึ่งต่อ 1 คนมีอุปกรณ์สำหรับใช้งานอย่างน้อย 5 เครื่อง เกิดการเชื่อมต่อกว่า 1 แสนล้านการเชื่อมต่อ มีเอไอเป็นตัวจักรขับเคลื่อนทำทุกอย่างมีความอัจฉริยะมากขึ้น

โอกาสใหม่ๆ ท่ามกลางวิกฤติ

เขากล่าวว่า วิกฤติโควิดเข้ามาสร้างจุดเปลี่ยนให้กับการใช้ชีวิต ธุรกิจ ผลักดันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น เกิดเป็นนิวนอร์มอลซึ่งหัวเว่ยพบว่า การล็อกดาวน์ การเว้นระยะห่างทางสังคม เวิร์คฟรอมโฮม เรียนออนไลน์ ทำให้นักช้อปออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 37% ไปเป็น 76% คนที่เรียนออนไลน์หรือเวิร์คฟรอมโฮมเพิ่มขึ้นจาก 17% ไปเป็น 30% หรือมากกว่านั้น ขณะที่การปรับไปใช้คลาวด์เพิ่มขึ้นจาก 26% ไปเป็น 70%

นอกจากนี้ ส่งผลกระทบไปในภาคการผลิต ด้วยข้อจำกัดของการทำงาน ซึ่งทำให้หลายบริษัทต้องปรับตัวให้ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติได้มากขึ้น ใช้เอไอมาช่วยมากขึ้น ทว่าอีกทางหนึ่งสร้างโอกาสใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และการสูญเสียต่างๆ ได้มากขึ้น

“ในวิกฤติย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ และยิ่งจะเป็นโอกาสที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหากสามารถขยับตัวได้เร็ว จากนี้ไปเศรษฐกิจดิจิทัลจะมีบทบาทกับชีวิตเราทุกคนมากขึ้น”

'กุญแจ' ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

อาเบล เปิดมุมมองว่า 5จี เป็นมากกว่ากว่าติดต่อสื่อสาร มีส่วนสำคัญต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต พัฒนาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค อีกทางหนึ่งเข้าไปพลิกโฉมธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม  ทำให้เปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น

“เทคโนโลยีไอซีที และ 5จี จะเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจ กุญแจพลิกฟื้นธุรกิจจากวิกฤติโควิดและสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว”

นอกจากนี้ ด้วยความเร็วการดาวน์โหลด ปักโหลด ความหน่วงที่ต่ำทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลได้โดยไม่มีความล่าช้า เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปอุตสาหกรรม ทำให้ธุรกิจไปข้างหน้าได้ดีกว่าเดิม มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการติดต่อสื่อสาร การตลาด การพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า ฯลฯ

หัวเว่ยระบุว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ 5จี ทำเร็วกว่า 4จี มากถึง20 เท่า แน่นอนว่าผู้ที่ขยับเป็นรายแรกๆ ย่อมมีข้อได้เปรียบ สามารถนำไปใช้ประโยชน์โดยเฉพาะพลิกฟื้นธุรกิจจากวิกฤติโควิดได้เร็วกว่า

’ไทย’ ผู้นำระดับภูมิภาค

สำหรับประเทศไทย มีการคาดการณ์ว่า เมื่อถึงปี 2568 การเปลี่ยนผ่านไปสู่ 5จี ในหลากหลายอุตสาหกรรมจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้จีดีพีไทย 10.12% โดย จีดีพีที่เกิดจาก 5จี จะมีมูลค่ากว่า 2.3 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันเพิ่มโอกาสและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาคอุตสาหกรรมมูลค่าไม่น้อยว่า 1.6 ล้านล้านบาท

ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นผู้นำการลงทุนอินฟราสตรักเจอร์ 5จี ในภูมิภาคอาเซียน การพัฒนาประสบการณ์ต่างๆบน 5จี ติดอันดับท็อป 10 ของโลก

หัวเว่ย แนะว่า การผลักดันความสำเร็จ 5จี อันดับแรกต้องให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐาน ขยายผลการใช้งานสู่สาธารณะในราคาที่จับต้องได้ เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด  ขณะเดียวกันสร้างความชัดเจนด้านนโยบาย การกำกับดูแล และการลงทุน ที่ขาดไม่ได้ผลักดันการพัฒนาอีโคซิสเต็มส์และแพลตฟอร์ม รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในระดับท้องถิ่น

แนะสร้างภาคี ความร่วมมือ

ผู้บริหารหัวเว่ยกล่าวว่า นอกจากคณะกรรมการ 5จี การสร้างความสำเร็จต้องมีภาคีพันธมิตรเพื่อทำงานร่วมกันทั้งด้านการพัฒนานวัตกรรม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างมาตรฐาน การสนับสนุนทางเทคโนโลยี  และการแลกเปลี่ยนระหว่างอุตสาหกรรม โดยหัวเว่ยตั้งตารอดูว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปอย่างไร

วิสัยทัศน์ของหัวเว่ย มุ่งส่งมอบเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับทุกคน ทุกบ้าน ทุกองค์กร ภายใต้การเชื่อมต่ออย่างเต็มรูปแบบ ชาญฉลาด พร้อมๆ ไปกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมสานเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซในปรเทศไทย หัวเว่ยหวังว่าจะได้เห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันพัฒนา 5จี ผลักดันการเติบโตดิจิทัล และการเติบโตของประเทศไทย

“จริงอยู่ว่าการแพร่ระบาดของโควิดส่งผลกระทบไปในวงกว้าง ทว่าในอีกทางหนึ่งดิจิทัลไลเซชั่นได้เปิดโอกาส และความหวังใหม่ๆ จำนวนมาก และอนาคตได้เริ่มขึ้นแล้วด้วย 5จี”