"ไมนีด" นวัตกรรมเข็มฉีดยาไฮเทค ลดเจ็บปวด-ไม่ทิ้งรอยแผลบนผิวหนัง

"ไมนีด" นวัตกรรมเข็มฉีดยาไฮเทค ลดเจ็บปวด-ไม่ทิ้งรอยแผลบนผิวหนัง

ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน หากต้องการนำส่งสารเช่นยา วัคซีน หรือเครื่องสำอาง เข้าสู่ผิวหนังมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพ จะต้องพึ่งพาเข็มฉีดยา ซึ่งมีข้อจำกัด อาทิ ความเจ็บปวด จึงได้จุดประกายให้กลุ่มนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คิดค้นเทคโนโลยี “ไมโครนีดเดิล” แบบชนิดละลายได้ขึ้น

โชคชัย พวงศิริ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไมนีด เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า บริษัทจัดอยู่ในกลุ่มดีพเทคสตาร์ทอัพด้านสุขภาพ ที่สปินออฟมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2562 เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการใช้งานทางการแพทย์ในระดับโลก โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในด้านของเทคโนโลยีทางการส่งสาร ที่เน้นพัฒนาเทคโนโลยีนำส่งสารเข้าสู่ผิวหนังด้วยไมโครนีดเดิล (Microneedle) แบบละลายน้ำได้ เนื่องจากมองเห็นว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพสูง และเป็นที่ต้องการในอนาคต โดยจะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อนำส่งผลิตภัณฑ์ด้านเครื่องสำอางและยาเป็นหลัก และมั่นใจว่าเทคโนโลยี Detachable and Dissolvable Microneedle มีประสิทธิภาพมากกว่าบริษัทไมโครนีดเดิลคู่แข่งชั้นนำของโลกหลากหลายบริษัท

จุดเด่นหลักของเทคโนโลยีคือ กลไกการหลุดของเข็มออกจากแผ่น ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 นาที ต่างจากไมโครนีดเดิลแบรนอื่น ๆ ในรูปแบบเข็มละลายได้ที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ไม่ต่ำกว่า 2 - 6 ชม. ด้วยจุดแข็งนี้ ทำให้การใช้งานโดยผู้บริโภคเป็นไปได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นการส่งสารด้วย Microneedle Technology ยังทำให้ผู้บริโภคได้รับสารต่าง ๆ เข้าสู่ใต้ผิวหนังได้แน่นอนแม่นยำมากที่สุดโดยให้ประสิทธิภาพเหนือจากครีมหรือเซรั่มทั่วไปที่สารส่วนใหญ่จะถูกทิ้งไว้บนผิวหนังและยากต่อการซึมเข้าสู่ผิว

นำส่งสารเข้าสู่ชั้นผิวหนัง

โดยนวัตกรรม Dissolvable Microneedle หรือ Microneedle ชนิดละลายได้ ทำมาจากโพลิเมอร์ที่ละลายน้ำได้ มีลักษณะเป็นเข็มขนาดเล็ก (ความยาวเข็ม <1000 ไมโครเมตร) ใช้สำหรับการนำส่งยาเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนัง โดยตัวเข็มจะทิ่มทะลุผ่านผิวหนัง ชั้น “สตราตัม คอร์เนียม” (Stratum Corneum) ทำให้การส่งสารเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตัวเข็มสามารถบรรจุยาหรือสารต่างๆลงไปได้หลายชนิดแล้วแต่แอพพลิเคชั่นที่ต้องการ และยังสามารถลดหรือเพิ่มปริมาณสารได้

นอกจากนี้ตัวเทคโนโลยียังสามารถควบคุมการละลายของสาร เพื่อให้สอดคล้องต่อความต้องการไม่ว่าจะเป็นช้าหรือเร็ว เปรียบเสมือนแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สามารถแตกออกเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายรูปแบบ ทั้งยังลดปัญหาการเกิดจุดด่างดำ (Hyperpigmentation) ที่เกิดจากการอักเสบของผิว และยังสามารถกักเก็บยาหรือสารออกฤทธิ์ต่างๆ ไว้ในตัวเข็มได้ 

โดยวิธีการทำงานคือ จะหล่อสารขึ้นในตัวเข็ม ซึ่งเมื่อตัวเข็มเป็นของแข็งจะเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บดีกว่าในรูปสารละลาย โดยสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิห้อง ส่วนประสิทธิภาพการเก็บรักษาจากการทดสอบพบว่าทางด้านเครื่องสำอางสามารถเก็บได้นานถึง 2 ปี

ทั้งนี้บริษัทฯเพิ่งผ่าน Seed fund raising round มาเป็นที่สำเร็จ โดยมีนักลงทุนมากมายต่างให้ความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น เครือบมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) และบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

รุกวิจัยเซกเตอร์ "ยา"

และยังได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางตลาดของผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็แน่นอนว่า ต้องมีการทำวิจัยในเชิงลึกจากกลุ่มแพทย์ตามโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชน รวมทั้งคลินิกเสริมความงามต่างๆ ตลอดจนผู้บริโภค เพื่อทดสอบการรับรู้ หรือ ความพร้อมที่จะทดลองใช้ กระทั่งได้ข้อมูลมาปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยล่าสุดสามารถนำไปขอขึ้นทะเบียนและขออนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) เป็นที่เรียบร้อย

โชคชัย กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันแพลตฟอร์มสามารถใช้ได้ทั้งเครื่องสำอางและยา ซึ่งในด้านเครื่องสำอางมีลูกค้าทั้งในไทยและยุโรปซึ่งได้มีการขึ้นทะเบียน อย. ให้กับลูกค้าเรียบร้อยทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่วนในด้านของยาต้องผ่านการวิจัยเพิ่มเติม (Clinical Trial) ฉะนั้นจึงอยู่ในกระบวนการหาพาร์ทเนอร์ การทำวิจัยต่างๆทั้งในไทยและต่างประเทศ

สำหรับความท้าทายในฝั่งของทางด้านธุรกิจ เรื่องแรกมองว่าคือ กฎระเบียบข้อบังคับของทางฝั่งยา ที่จะต้องอาศัยกระบวนการหลายอย่าง ทั้งเงินลงทุนจำนวนมาก และเวลาค่อนข้างนาน จึงเป็นเสมือนความท้าทายใหญ่ๆที่ต้องผ่านไปให้ได้ อีกทั้งธุรกิจหลักจะต้องอาศัยการจับมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจรายใหญ่ๆ ส่วนทางฝั่งเทคโนโลยีค่อนข้างมั่นใจว่ามีความเสถียร เพราะได้มีการพัฒนาพร้อมกับทำการวิจัยและพัฒนา และจดสิทธิบัตรมาเรื่อยๆจนกระทั่งปัจจุบันสามารถอัพสเกลสู่เชิงพาณิชย์ได้ เนื่องจากมีทีมงานทางด้านเทคโนโลยี ทีมวิจัย ทีมโปรดักท์ชั่นที่เข้มแข็ง

ด้านภาพรวมตลาดไมโครนีดเดิลในไทยพบว่าผู้เล่นที่ทำเทคโนโลยีทางด้าน Detachable and Dissolvable Microneedle ยังไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก หากเทียบกับตลาดโลกพบว่าเทคโนโลยีไมโครนีดเดิลเกิดขึ้นมาได้ประมาณ 20 ปี ฉะนั้นจึงมีคู่แข่งในตลาดโลกจำนวนมาก แต่กระนั้นก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก ด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยี เช่น ปกติการส่งยาเข้าสู่ร่างกายสิ่งที่สำคัญคือปริมาณยาที่จะต้องแม่นยำ ทางบริษัทฯจึงพัฒนานวัตกรรมตอบโจทย์ตรงจุดนี้ ด้วยเทคโนโลยี Detachable and Dissolvable Microneedle ทำให้แม่นยำ จึงสามารถนำหน้าคู่แข่งในตลาดได้

ตั้งเป้าโต 300% 

“แผนดำเนินการของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 เส้นทางใหญ่ๆ โดยในปี 2564 ได้มีการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบการทำ OEM เครื่องสำอางเรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมาได้มีการระดมทุนรอบซีด ซึ่งตรงนี้มองว่าเป็นการจุดประกายในด้านของธุรกิจว่าในปีต่อ ๆ ไปลูกค้าทางด้านเครื่องสำอางจะเพิ่มขึ้น และบริษัทฯจะต้องมีความสามารถผลิตและส่งออกเครื่องสำอางกับต่างประเทศได้เยอะขึ้นในปี 2565 ฉะนั้นการเติบโตภายในปี2565 จึงคาดว่าจะเกิน 300% ซึ่งทางด้านเครื่องสำอางเราจะเตรียมการผลิตเพื่อรองรับลูกค้าจากทั้งในและต่างประเทศ ส่วนทางด้านยาคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีถึงจะสามารถพัฒนา ผ่านการตรวจสอบทางด้าน clinical trial และออกมาเป็นโปรดักท์ได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเสาะหาพาร์ทเนอร์”