5 เหตุผลที่คนใช้ Microsoft ต้องอัพเกรดเป็น Windows 11

ถึงจะออกมาอัพเกรดกันระยะหนึ่งแล้วสำหรับสาวก Microsoft ที่ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ Windows ที่ปัจจุบันเดินทางมาถึงเวอร์ชันใหม่ล่าสุด Windows 11 แต่ก็ยังมีคนลังเลว่าจะเอาไงดีกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

วันนี้กรุงเทพธุรกิจมาแจกแจงแถลงไขให้กระจ่างกันไปเลยว่า ทำไมจะต้องอัพเกรดเป็น “Windows 11” ด้วย 5 เหตุผลดังต่อไปนี้

1. เป็น Windows ที่ดูดีมีชาติตระกูล

First Impression คืออย่างแรกที่จะพูดถึง เพราะหลังจากอัพเกรดเป็น “Windows 11” แล้ว สิ่งที่คุณได้เห็นก่อนอื่นคือ Bloom Wallpaper โทนสีน้ำเงิน สะท้อนตัวตนของ Windows 11 ไว้อย่างดี

ต่อมาที่เห็นในภาพรวมคือ UI ของระบบปฏิบัติการณ์หน้าตาดี สะอาดตา และทันสมัยมากๆ แต่มีกลิ่นอายของความเรียบง่ายซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ด้วย โดยลักษณะของหน้าต่างถูกจัดวางในตำแหน่ง Center ซึ่งเริ่มทำมาตั้งแต่ใน Windows 10X แล้ว ให้ความรู้สึกโมเดิร์น มีความกึ่งทางการที่ยังเข้าถึงได้อยู่ เพราะตัดทอนความจริงจังลงด้วยความโค้งมนของไอคอนและ Short cut ต่างๆ เป็น Friendly design ที่ยกระดับให้ “Windows 11” น่าใช้กว่าเดิม

2. ปรับหน้าต่างได้ตามการใช้งานของแต่ละคน

อะไรที่กำหนดเป็นค่ามาตรฐานมาก็อาจจะดี แต่ไม่ได้ดีหรือเหมาะกับทุกคน เพราะแต่ละคนมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ความชอบ ความถนัดก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้น “Windows 11” จึงมีฟังก์ชันแยก Desktop เพื่อแบ่งการใช้งานอย่างเหมาะสมลงตัว ทั้งเพื่อทำงานและเพื่อความบันเทิง ปรับแต่งได้ไม่ว่าโทนสีที่เหมาะกับประเภทการใช้งาน

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ในกลุ่ม Snap มาให้ใช้กันหลากหลาย

อย่างฟีเจอร์หลัก Snap Layout คือความยืดหยุ่นของการใช้งานคอมพิวเตอร์แบบที่หลายคนอยากได้ เพราะปรับขนาดของหน้าจอและวางหลายๆ หน้าจอเรียงเพื่อการใช้งานได้ตามความต้องการ และอีกฟีเจอร์คือ Snap Group ที่เป็นเสมือนแม่บ้านที่ช่วยจัดวางหน้าต่างที่เปิดไว้หลายหน้าให้เป็นระเบียบ

และ Snap Group นี้มีความพิเศษตรงที่เมื่อซ่อนหน้าต่างลง พอเปิดขึ้นใหม่ในกลุ่มของหน้าต่างที่จัดเรียงไว้จะยังคงความเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม

แล้วยังเข้าถึงข้อมูลที่สนใจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นผ่าน Widgets ซึ่งรวบรวมข่าวสารที่คัดสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะผ่านระบบ AI และเบราว์เซอร์ประสิทธิภาพสูงจาก Microsoft Edge โดยฟังก์ชัน Widgets นี้ นับเป็นพื้นที่ใหม่ภายใน Windows ที่นักสร้างสรรค์และนำเสนอคอนเทนต์เข้ามาเติมเต็มได้ด้วยคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้แต่ละคน

 

3. การเชื่อมต่อที่แสนง่าย

ในยุคที่การติดต่อสื่อสารทางไกลกลายเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องเรียน คุยเล่นกับเพื่อน ใน “Windows 11” พัฒนาการเชื่อมต่อของทุกคนให้สะดวกขึ้น ถ้าสังเกตบริเวณ Taskbar จะพบไอคอนของโปรแกรม Team chat built-in เพียงคลิกเดียวก็ติดต่อกับคนอื่นได้ทันที ยกตัวอย่างการใช้งานเพื่อการประชุมออนไลน์ เพียงส่งลิงก์ให้คนอื่นๆ ก็ประชุมกันได้ง่ายๆ

ถัดมาที่ขวามือมีอีกฟีเจอร์ที่ Microsoft คิดเผื่อคนยุคนี้ที่ต้องใช้การวิดีโอคอลกันบ่อยๆ แต่มักจะประสบปัญหาลืมปิดไมค์หรือหาปลุ่มเปิด-ปิดไมค์ไม่เจอ ใน Windows 11 ได้ดึงเอาปุ่มเปิด-ปิดไมค์ (Universal Mute) ออกมาวางไว้ให้คลิกสะดวกมือ เมื่อกดปุ่มนี้ไมค์จะปิดการทำงานทันที

 

4. ปลอดภัยกว่าเดิม

ถึง Windows จะถูกปรามาสไว้ว่าความปลอดภัยน้อยกว่าระบบปฏิบัติการณ์ของบางค่าย แต่ในความจริงแล้ว หากใช้ “Windows 11” อย่างถูกต้อง คืออุปกรณ์ก็จำเป็นต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรฐาน จะต้านทานมัลแวร์ได้มากกว่าอุปกรณ์อื่นถึง 2 เท่า

Windows 11 ได้รับการออกแบบมาให้เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย สามารถใช้งานแบบไฮบริดได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะทำงานหรือเรียน โดยใช้เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แบบล่าสุดโดยออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust ในการปกป้องข้อมูลและคุ้มครองสิทธิการเข้าถึงการใช้งานบนทุกดีไวซ์

 

5. เป็นระบบปฏิบัติการณ์ที่ Friendly ต่ออุปกรณ์อื่น

รู้กันดีอยู่แล้วว่า Windows เป็นระบบปฏิบัติการณ์ที่ยืดหยุ่นมากๆ และเข้ากันได้ดีกับแทบจะทุกอุปกรณ์ เกือบทุกแบรนด์ ยิ่งเป็น "Windows 11" ยิ่งพัฒนาให้ใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น พร้อมกับมีลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

ยกตัวอย่างลูกเล่นใหม่ใน Windows 11 เช่น Visual Keyboard หน้าตาใหม่, การใช้งาน Dictation ที่ถอดเสียงพูดภาษาไทยเป็นตัวหนังสือภาษาไทยได้แล้ว