‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ เดิมพันความท้าทาย ชิงดำสมรภูมิ ‘ขนส่งพัสดุ’ ไทย

ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันบริการ “จัดส่งพัสดุ” ที่ดุเดือด ถูกท้าทายด้วยจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 การเติบโตที่ก้าวกระโดดของอีคอมเมิร์ซ ผู้ที่จะอยู่รอดและรักษาความเป็นผู้นำ ไม่เพียงต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อสู้ศึกการแข่งขัน หากโมเดลธุรกิจต้องเอื้อต่อการเติบโตของทั้งอีโคซิสเต็มส์ ให้ความสำคัญกับทั้งผู้ปฏิบัติงาน ฝ่ายบริหาร และพันธมิตรทางธุรกิจ

"วราวุธ นาถประดิษฐ์" กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แม้สถานการณ์โดยภาพรวมของการแพร่ระบาดโควิด-19 จะไม่รุนแรงเท่าช่วงปีที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มกลับไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ทว่าแนวโน้มการใช้บริการจัดส่งพัสดุในประเทศไทยยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยมาจากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซ รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค ที่หันไปสู่ช่องทางออนไลน์มากขึ้น คาดว่า จะได้เห็นสถานการณ์ตลาดคึกคักมากขึ้นอย่างชัดเจน ช่วงเทศกาลชอปปิง 2.2 3.3 เป็นต้นไป และจะยิ่งคึกคักอย่างมากช่วงปลายปี

ปัจจุบัน เคอรี่เอ็กซ์เพรสมียอดการส่งพัสดุเฉลี่ยประมาณ 1.5-2 ล้านชิ้นต่อวัน ช่วงที่มีการใช้บริการมากกว่าปกติคือวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และเทศกาลชอปปิงออนไลน์ต่างๆ

เพิ่มจุดแข็ง รุกฆาตคู่แข่ง

เขา กล่าวว่า เพื่อรับมือกับพัสดุที่เข้ามาจำนวนมากในแต่ละวัน แนวทางการทำงานของเคอรี่ จะให้ความสำคัญตั้งแต่ระบบการทำงานหลังบ้าน "เฟิร์สไมล์" ไปจนถึง "ลาสไมล์" โดยเฉพาะการดูแลความปลอดภัยผู้ปฏิบัติงาน ได้เพิ่มมาตรการที่เข้มงวด จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด รวมถึงลดความแออัด ในศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า ไม่ให้พนักงานรวมกลุ่มกันมากเกินไป

สำหรับกลยุทธ์ที่ทำให้เวิร์คโฟลว์เดินหน้าได้อย่างไม่มีสะดุด มีการขยายสาขาการให้บริการ และเพิ่มเครือข่ายพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง สานต่อกลยุทธ์ “Kerry Express Everywhere” ให้ลูกค้าใช้บริการจัดส่งพัสดุ กับเคอรี่เอ็กซ์เพรสได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย

ปัจจุบัน มีจำนวนจุดให้บริการกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ ทั้งร้านเคอรี่ พาร์เซลช้อป และจุดให้บริการที่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ เช่น เครือเซ็นทรัล ร้านออฟฟิศเมท แฟมิลี่มาร์ท บีทูเอส บิ๊กซี ท็อปส์ ร้านแฟรนไชส์ ปตท. สบายกรุ๊ป ร้านโชห่วย ร้านขายยา ทั้งได้ร่วมมือกับร้านให้บริการส่งพัสดุเอกชน เช่น ชิปป์สไมล์ ฯลฯ

นอกจากนี้ ได้เพิ่มกลยุทธ์เข้าไปโฟกัสตลาดขนส่งราคาประหยัด จากกลยุทธ์ที่หลากหลาย และการขยายเครือข่ายการขนส่งที่กว้างขึ้นได้ส่งผลทำให้ไตรมาสที่ 3 ปีที่ผ่านมา ยอดการส่งพัสดุเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 50% ช่วงพีคที่สุดมีการจัดส่งสินค้าวันละกว่า 3 ล้านชิ้น

เดิมพันความท้าทายรายวัน

ส่วนของการบริหารคลังสินค้า มีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่พื้นที่มากกว่า 1 หมื่นตารางเมตร 12 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้าย่อย 1,100 แห่งทั่วประเทศ ทั้งได้วางมาตรการการทำงานที่หยุดหยุ่นสามารถปรับขยาย รองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้

“เราพร้อมทำงานหนัก ที่ผ่านมามีการประเมินสถานการณ์รายวัน เพื่อให้มั่นใจว่าคาปาซิตี้เพียงพอ พนักงานเพียงพอ และแน่นอนว่าเมื่อพนักงานต้องทำงานหนักพวกเขาจะต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าเดิม เรื่องนี้ผมมองว่าสำคัญอย่างมาก หากพนักงานอยู่ได้ ธุรกิจก็จะเดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน”

ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน มีหลายปัจจัยเข้ามาท้าทาย ซึ่งอาจทำให้ผู้ให้บริการเอกชนหลายรายมีปัญหาเรื่องการจัดส่งสินค้า หรือมีปัญหากับคู่ค้า

'วราวุธ' เผยว่า ผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าต้องอยู่กับพัสดุที่ส่งเข้ามาทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่ต้องมีคือความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงจำนวนพัสดุที่จะถูกส่งเข้ามาและนำจ่ายออกไป ต้องบาลานซ์คาปาซิตี้ และกำลังพลให้เพียงพอ สอดคล้องกับสถานการณ์ เตรียมความพร้อมที่จะเผชิญความท้าทายใหม่ๆ ในทุกวัน

“จุดยืนของเราให้ความสำคัญกับบุคลากร แผนการรับมือและบริหารความเสี่ยง การทำงานร่วมกับพันธมิตร และที่สำคัญต้องมีการสื่อสารที่ดีกับลูกค้า เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกวัน”

จับตาดีลใหม่หนุนโตแบบ ’วิน-วิน’

ผู้บริหารเคอรี่เอ็กซ์เพรส บอกว่า เคอรี่ไม่เคยหยุดนิ่งและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อยอดบริการให้หลากหลายมากขึ้น กับพันธมิตรรายเดิมยังคงมีแผนทำงานร่วมกัน ทั้งด้านโปรโมชั่นและการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละพื้นที่

แนวทางทำโปรโมชั่น ได้ดึงเทคโนโลยี "เอไอ" และ "บิ๊กดาต้า" มาช่วยเก็บข้อมูล เพื่อประมวลผล และจัดทำสมาร์ทโปรโมชั่นตอบโจทย์ลูกค้ารายบุคคล

ขณะที่ ช่วงเดือนก.พ.เตรียมจับมือกับพันธมิตรรายใหม่ด้านฟู้ดดิลิเวอรี่ คิกออฟบริการใหม่รับพัสดุถึงที่บ้าน เชื่อว่าจะเป็นวิน-วินโมเดลที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับทั้งบริษัทเอง คู่ค้า และพนักงาน

นอกจากนี้ ได้ขยายการให้บริการขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิ “KERRY COOL” จากเฟสแรกที่ได้ร่วมมือกับ "เบทาโกร" ไปแล้ว ภายในไตรมาสที่สองปีนี้ จะขยายบริการไปสู่รูปแบบ "ซีทูซี" สำหรับประชาชนทั่วไปด้วย

วราวุธ บอกด้วยว่า เร็วๆ นี้จะได้เห็นดีลธุรกิจซึ่งเคอรี่เข้าไปร่วมทุนกับพันธมิตรค้าปลีกรายใหญ่ ภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ ที่จะร่วมเติมเต็มด้าน Economy of Scale ซึ่งกันและกัน ส่วนภาพรวมมั่นใจว่าปี 2565 นี้ ธุรกิจเคอรี่เอ็กซ์เพรสมีทิศทางเป็นบวกแน่นอน