“Samsung Galaxy S22 Ultra” สมาร์ทโฟนที่กำลังก้าวสู่ยอดพีระมิดในนาทีนี้
จะเป็นไปได้ไหมถ้า “สมาร์ทโฟน” จะทำหน้าที่สมบูรณ์แบบได้ครบจบในเครื่องเดียว นี่คือโจทย์ที่ค่ายมือถือแบรนด์ต่างๆ พยายามสร้าง “สมาร์ทโฟนเรือธง” ให้ทำได้แบบนี้ “Samsung Galaxy S22 Ultra” ก็เช่นกัน
เป็นเรื่องธรรมดาของ สมาร์ทโฟนเรือธง ที่จะออกมาจัดจำหน่ายแต่ละทีต้องผ่านการวิจัยและพัฒนาจนได้เป็นที่สุดของช่วงเวลานั้นๆ ทำให้ทุกครั้งที่รอบการเปิดตัว Smartphone ตัวท็อปเวียนมาถึงทีไร วงการก็ดุเดือดขึ้นทุกที
แน่นอนว่ามาหลังสุดย่อมต้องมีอะไรเซอร์ไพรส์ การเปิดตัวของ Samsung Galaxy S22 Ultra ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน จนถึงวันนี้เริ่มมีลูกค้าที่ได้รับโทรศัพท์เครื่องนี้ไปครอบครองบ้างแล้ว ต้องยอมรับว่ากระแสตอบรับนับว่าดีมาก ทั้งด้วยการพัฒนาถูกทาง ถูกที่ ถูกเวลา จนทำให้ในหลายๆ ฟีเจอร์ของ สมาร์ทโฟน เครื่องนี้กลายหนึ่งในใจใครหลายคน
กล้องมือถือ ที่กล้าท้าชนกล้องโปร
ถามว่าอะไรคือที่สุดของความประทับใจใน “Samsung Galaxy S22 Ultra” ตอบได้ทันทีว่าคือ กล้อง ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ นี่คือการอัพเกรดฟังก์ชั่นกล้องที่โหดมาก จะเห็นได้ชัดเจนว่าระยะหลัง “สมาร์ทโฟนเรือธง” สู้กันด้วยกล้องจริงๆ ทุกแบรนด์แข่งกันพัฒนากล้องให้ดีที่สุด แก้ไขจุดอ่อน เสริมจุดแข็ง จนถึงตอนนี้ทุกแบรนด์มี กล้องมือถือ ที่ดีมากๆ ของตัวเอง
สำหรับ “Samsung Galaxy S22 Ultra” กล้องได้รับการพัฒนามาสูงสุด ณ ขณะนี้แล้ว เพราะในทุกโหมดการถ่ายภาพ กล้องทุกตัวที่ใส่มาเป็นแผงอยู่ด้านหลัง (รวมถึงกล้องหน้า) ล้วนทำงานได้ดีมาก ไม่ว่าคุณจะถ่ายภาพเป็นหรือไม่เป็น ก็ใช้กล้องของ S22 Ultra สร้างสรรค์ภาพถ่ายสวยและคมชัดได้ ยิ่งถ้ามีทักษะการถ่ายภาพอยู่บ้าง รับรองว่าจะสนุกกับการใช้ถ่ายภาพด้วยมือถือเครื่องนี้
ความดีงามของ “กล้องมือถือ” คือ ในโหมดปกติ พลังของซอฟแวร์และความชาญฉลาดของ AI ช่วยจัดการให้ภาพถ่ายออกมาดี โดยเฉพาะถ้าหากในสภาพแสงดี ก็แทบจะไม่ต้องพกกล้องให้หนัก แต่ได้คุณภาพของภาพที่น่าพอใจ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S22 Ultra
AI ใน “Samsung Galaxy S22 Ultra” ยังช่วยให้การถ่ายภาพในสภาพแสงที่ท้าทายความสามารถของ “กล้องมือถือ” เป็นเรื่องง่าย เพราะทั้งในโหมดปกติและ Portrait การ Process ความสว่างที่ฉากหลังกับที่ตัวแบบทำได้ดีมาก คือแบบไม่มืด ส่วนฉากหลังก็ไม่ขาวโพลนจนไร้รายละเอียด เกลี่ยได้อย่างพอเหมาะ
พูดถึงโหมด Portrait แล้วก็ต้องยกนิ้วให้จริงๆ เพราะอย่างที่รู้กันว่าในโหมดถ่ายภาพบุคคลของ “กล้องมือถือ” มักจะไม่เนียน โดยเฉพาะบริเวณขอบของตัวแบบกับฉากหลัง ส่วนมากจะเหมือนคล้ายภาพตัดแปะ แต่ไม่ใช่กับ “Samsung S22 Ultra” ซึ่งมีเทคโนโลยี AI Stereo Depth Map และไม่ใช่แค่ในสภาพแสงดี แต่ในสภาพแสงน้อยหรือย้อนแสงก็เช่นกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S22 Ultra
กล้องโปรใน “Galaxy S22 Ultra” ทำให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพยามค่ำคืน ด้วยฟีเจอร์ Nightography ที่ทำงานบนเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ และเทคโนโลยี Adaptive Pixel ช่วยดึงรายละเอียดและสีสันของภาพออกมาได้อย่างครบถ้วน จนบางทีก็แอบคิดว่านี่คือภาพถ่ายจาก “กล้องมือถือ” จริงหรือ
อีกเรื่องที่ “กล้องมือถือ” มักจะตกม้าตาย คือ โหมด Zoom เพราะจะมีประโยชน์อะไรหากซูมได้ไกลมากๆ แต่ภาพที่ได้ไม่คมชัด ไม่มีรายละเอียด แต่ฟีเจอร์ Telephoto ที่ซูมได้ถึง 10 เท่า นอกจากจะซูมไกลสะใจ ภาพยังสวย และค่อนข้างคมเลยทีเดียว
ตัวอย่างภาพถ่าย ระยะซูม 10 เท่า จาก Samsung Galaxy S22 Ultra
ส่วนฟากฝั่งการถ่ายวิดีโอ ใน “Samsung Galaxy S22 Ultra” มีความละเอียดมาให้เลือกตั้งแต่ HD ไปจนถึง 8K โดยใน FHD กับ UHD มีให้เลือกเฟรมเรททั้ง 30 และ 60 ส่วน 8K เป็น 24 เฟรมเรท ในการถ่ายวิดีโอ “สมาร์ทโฟน” เครื่องนี้ทำได้อย่างน่าประทับใจ คือทั้งคมชัด เนียนตา รวมถึงระบบกันสั่นดีมาก แต่ใช้ได้เฉพาะกับความละเอียด FHD 30 และ FHD 60 เท่านั้น
ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะ Night Video ของ “สมาร์ทโฟน” เครื่องนี้ยังมีความสามารถของกล้องระดับมืออาชีพ ด้วยเทคโนโลยี VDIS ขั้นสูง (Advanced Video Digital Image Stabilization) จะทำหน้าที่ช่วยลดการสั่นสะเทือน ทำให้รูปที่ถ่ายสามารถจับภาพทุกคนได้แบบคมชัดแม้จะสั่นหรือมืดแค่ไหนก็ตาม
S Pen การกลับมาที่สาวก Galaxy Note รอคอย
หลังจาก Samsung Galaxy Note กลายเป็นตำนาน สาวก Note ผู้คลั่งรักปากกา S Pen ก็โหยหาเครื่องมือสุดเจ๋งนี้มาตลอด แม้จะเคยถูกนำกลับมาในซีรีส์ Galaxy S รุ่นก่อนๆ แต่ “S Pen” กลับถูกจับแยกไปคู่กับเคสของซัมซุง ถึงจะไม่หายไปแต่ก็สูญเสียอัตลักษณ์ S Pen ไปมากทีเดียว
แล้วการกลับมาของ “S Pen” ที่ติดตั้งมาในตัวเครื่องก็มาลงเอยที่ “Samsung Galaxy S22 Ultra” จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการรวมร่างของ Galaxy Note กับ Galaxy S ดึงจุดแข็งของสองซีรีส์มาเป็นหนึ่งเดียว
การกลับมาของ “S Pen” ใน “Samsung Galaxy S22 Ultra” ไม่ธรรมดา แต่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม คือ มี Latency อยู่ที่ 2.8 ms ซึ่งน้อยกว่าในรุ่นก่อนที่มี Latency ที่ 9 ms ทำให้การตอบสนองของปากกาดีมากๆ แม่นยำมากๆ เสมือนเขียนด้วยปากกาจริงๆ ไม่มีความหน่วงให้รำคาญใจ
อีกความสามารถของ “S Pen” ที่หลายคนหลงรัก คือการเป็นรีโมทสั่งการโทรศัพท์ได้แบบไร้สาย (Air Action) ก็ยังทำงานได้ดีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะใช้กดชัตเตอร์, เปลี่ยนกล้องหน้า-หลัง, เปลี่ยนโหมดถ่ายภาพ ฯลฯ ล้วนใช้งานได้อย่างราบรื่น รวมถึงฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมาย เช่น S Pen to Text เปลี่ยนลายมือเป็นตัวพิมพ์ ในช่องค้นหา เป็นต้น ในด้านความคิดสร้างสรรค์ S Pen ก็ยังคงความสนุกไว้ให้คนรักปากกา S Pen เช่น ใช้ฟีเจอร์ Smart Select ในการสร้างไฟล์ GIF หรือ Live Message เพื่อใช้สร้างภาพและข้อความเคลื่อนไหวที่ไม่เหมือนใคร
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S22 Ultra
ข้อสังเกตที่ยังรอการแก้ไข เครื่องร้อน แบตไหล
ข้อดีมีเยอะมาก เพราะ Samsung จัดเต็มมากกับ “สมาร์ทโฟนเรือธง” รุ่นนี้ แต่จะบอกว่าไร้ที่ติดเลยก็คงไม่ใช่ ที่เห็นและรู้สึกชัดๆ มีสองประการหลักๆ ที่ตั้งข้อสังเกตว่ายังเป็นปัญหาที่ต้องตามแก้ต่อไปสำหรับ “Samsung Galaxy S22 Ultra” ที่ยัดสเป็กสูงๆ เอาไว้
ประการแรกคือเรื่องเครื่องร้อน เป็นคำถามที่ตั้งไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้ทดลองใช้ ส่วนมาก “สมาร์ทโฟน” ตัวแรงมักจะมาพร้อมความร้อน โจทย์ที่วางไว้คือก่อนใช้คือเครื่องจะร้อนหรือไม่หากใช้งานดังนี้ โทรศัพท์นานๆ, ถ่ายภาพและวิดีโอต่อเนื่อง, เล่นเกม, ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วไปอย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่าร้อนทุกการใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อถ่ายภาพและวิดีโอต่อเนื่อง จะร้อนอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ถึงขนาดที่ทำให้เครื่องมีปัญหา เพราะยังใช้งานทั้งที่อุณหภูมิเครื่องสูงอย่างนั้นได้ไม่มีปัญหา ยกเว้นถือไม่ไหว
มาถึงอีกประการที่เป็นไปได้ว่าเพราะประสิทธิภาพขั้นสุดในทุกด้านและในการใช้งานจริงก็ลองเปิดทุกอย่างในคุณภาพสูงสุด เช่น หน้าจอ 120Hz และเชื่อมต่อทุกอย่างเอาไว้ไม่ว่าจะ Bluetooth, WiFi, Mobile data, Location จึงทำให้ “Samsung Galaxy S22 Ultra” ใช้พลังงานมากเป็นพิเศษ แม้แบตเตอรี่จะมีความจุถึง 5000 mAh
ทั้งสองปัญหา เบื้องต้นยังไม่แน่ใจว่าจะดีขึ้นในการอัพเดทเฟิร์มแวร์ต่อไปๆ หรือไม่ ถ้ากำจัดจุดอ่อนนี้ได้ แทบจะเป็น “สมาร์ทโฟน” ที่ดีที่สุดนาทีนี้เลยทีเดียว