‘บิสกิต’ เปิด 5 เทรนด์ 'เอไอ' ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจ
“บิสกิต” ชี้รัฐ-เอกชนไทยตื่นตัวลงทุนเอไอ ปักธงเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจร หนุนธุรกิจทรานฟอร์มสู่ดิจิทัล ตั้งเป้าปี 2565 เติบโตกว่าเท่าตัว หลังปี 2564 โตได้สวนกระแสเศรษฐกิจ คว้าดีลมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท
นายสุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสกิต โซลูชั่น จำกัด (BIZCUIT) กล่าวว่า เทคโนโลยีเอไอด้านแมชีนเลิร์นนิงกำลังเป็นที่จับตามองและถูกนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างประสิทธิภาพและขยายขีดความสามารถให้กับธุรกิจและองค์กรของภาครัฐ
โดยกระแสความนิยมสะท้อนจากมูลค่าของธุรกิจเอไอในตลาดโลก ที่มีมูลค่าถึง 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 2.48 ล้านล้านบาทในปี 2564 โดย 60% ของตลาดเป็นแอพพลิเคชั่นหรือโซลูชั่นที่มีการใช้แมชีนเลิร์นนิงเอไอ คิดเป็นมูลค่า 1.48 ล้านล้านบาท
เขากล่าวว่า เทรนด์ของเอไอด้านแมชีนเลิร์นนิงของโลกเน้นพัฒนาให้เอไอทำในสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ สามารถแบ่งออกเป็น 5 เทรนด์ คือ
1. Voice is the new hand เสียงจะเป็นเหมือนแขนที่สามของมนุษย์ที่จะคอยสั่งการสิ่งต่างๆ แบบไร้การสัมผัสโดยข้อมูลเสียงจะทำให้หน้าที่สั่งงานระบบต่างๆ พร้อมยืนยันตัวตน และแจ้งตำแหน่งด้วยการพูดเพียงอย่างเดียว 2.Computer Generated Content การสร้างคอนเทนต์หรือเนื้อหาด้วยเอไอที่เกิดจากเทคโนโลยี Natural Language Generation หรือ NLG
3. Natural Language Understanding จะถูกใช้ร่วมกับไอโอทีทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในอนาคตเอไอจะสามารถเข้าใจสิ่งที่มนุษย์ต้องการ ไม่ใช่แค่เข้าใจคำสั่ง แต่เข้าใจความต้องการ
4. Computer Vision การวิเคราะห์ภาพเรียลไทม์จะถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น และเทรนด์ที่
5.ระบบการประมวลผลแบบใหม่ เช่น Quantum Computer ที่จะยกขีดความสามารถของเอไอไปแบบก้าวกระโดด
“ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างนำแมชีนเลิร์นนิงเอไอมาใช้งานแล้ว โดยเป็นการใช้เพื่อช่วยสร้างประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงสร้างโอกาสสำหรับภาคธุรกิจ”
สำหรับบิสกิต ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเอไอ มุ่งเป็น “AiEnabler” ร่วมสนับสนุนในการการนำเทคโนโลยีเอไอด้านแมชีนเลิร์นนิงมาช่วยส่งเสริมการพัฒนาในองค์กรธุรกิจและภาครัฐ รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศให้ทรานส์ฟอร์มสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ปี 2565 บิสกิตตั้งเป้าธุรกิจเติบโตมากกว่าเท่าตัว หรือกว่า 100% ด้วยการเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านผู้จัดจำหน่ายและพันธมิตร เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีเอไอโซลูชั่นให้เกิดความสามารถใหม่ๆ รองรับในทุกสาขาของเอไอแมชีนเลิร์นนิง
อย่างไรก็ดี ปี 2564 นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยกลุ่มบุญรอดซัพพลายเชน ได้มาร่วมลงทุนเพื่อนำเทคโนโลยีเอไอไปต่อยอดให้กับกลุ่มลูกค้าและบริษัทในเครือ ทั้งยังมีลูกค้าคู่สัญญารายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก คิดมูลค่ารวมกว่า 150 ล้านบาท
ปัจจุบันมีฐานลูกค้ามากกว่า 60 องค์กร แบ่งสัดส่วนเป็นลูกค้าในประเทศ 80% และลูกค้าต่างประเทศ 20% ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มธุรกิจรีเทลค้าปลีก ธุรกิจอาหาร อีคอมเมิร์ซ ภาคการผลิต การเงินและประกันภัย รวมถึงอสังหาริมทรัพย์
บิสกิตให้บริการอยู่ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ มีจุดเด่นด้านความสามารถของเอไอด้านภาษา ครอบคลุมไปถึงภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่นรวม 3 ภาษา คือภาษาไทย อังกฤษ และบาฮาซาอินโดนีเซีย