‘เทนเซ็นต์' ปลุกพับบลิคคลาวด์รับ ‘พีดีพีเอ’
เทนเซ็นต์ คลาวด์’ ปลุกธุรกิจหันใช้พับบลิค คลาวด์ ชี้ผู้ประกอบการ มองเห็นความสำคัญแห่ใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย รองรับธุรกิจดิจิทัลขยายตัว และการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มิ.ย.นี้
นายชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า เดือนมิถุนายน 2565 นี้ ประเทศไทยจะเริ่มบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งมีหลักสำคัญ คือ ต้องการให้เกิดการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องและถูกวิธี โดยมีข้อกำหนดว่าข้อมูลส่วนบุคคล (Personal data) จะต้องถูกเก็บไว้ในประเทศไทย ซึ่งธุรกิจกำลังมองถึงระบบคลาวด์ที่สามารถรองรับข้อมูลอย่างมหาศาล และมีความปลอดภัยมากขึ้น
การใช้งานคลาวด์ในไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางดิสรัปชั่น ที่เกิดขึ้นมากมายในทุกอุตสาหกรรม เทคโนโลยีคลาวด์และเอไอถูกนำมาใช้เพื่อขยายขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ แม้ว่าจะมีการใช้คลาวด์อย่างแพร่หลายรวมถึงทิศทางของการใช้งานระบบคลาวด์ในบริษัทไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า
แต่จากรายงานของ พีดับบลิวซี พบว่า องค์กรต่างๆ ยังไม่สามารถใช้งานคลาวด์ได้เต็มศักยภาพเท่าที่ควรจะเป็น ซึ่งแท้จริงแล้วองค์กรสามารถดึงศักยภาพอันมหาศาลของคลาวด์มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ไฮบริด คลาวด์ (Hybrid Cloud) คือ หนึ่งในตัวเลือกทางกลยุทธ์แรกๆ ที่หลายองค์กรใช้เพื่อปรับโครงสร้างเข้าสู่ยุค “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น” จากการนำโซลูชันคลาวด์ และเอไอมาใช้ในองค์กร รองรับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลมากมายที่ต้องอาศัยการส่งต่อ จัดเก็บ คิดคำนวณ และถ่ายโอนข้อมูลแบบออนไลน์มากขึ้น
ทั้งนี้ไม่ว่าจะใช้งานโซลูชันคลาวด์ในแบบใด ควรเลือกพับลิคคลาวด์ ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ เป็นไปตามข้อกำหนดทาง กฏหมาย โดยเฉพาะความปลอดภัยเรื่องการจัดเก็บข้อมูล เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่องค์กรต้องนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
นายชาง กล่าวว่า พับบลิกคลาวด์ จากเทนเซ็นต์ คลาวด์ มีเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่แข็งแกร่ง และดาต้า
เซ็นเตอร์ตั้งอยู่ในไทยสองแห่ง พร้อมเป็นพันธมิตรในด้านเทคโนโลยีให้ทุกองค์กร ที่จะนำคลาวด์ไปเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น ปลอดภัย และเป็นไปตามกฏหมาย ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์แห่งล่าสุดของเทนเซ็นต์ คลาวด์ที่ตั้งขึ้นในประเทศไทย ถือเป็นศูนย์ข้อมูลระดับ Tier 3 ตั้งอยู่ในทำเลศูนย์กลางเครือข่ายที่สำคัญใจกลางกรุงเทพฯ
ยกตัวอย่างการใช้ ไฮบริด คลาวด์ ของธุรกิจกลุ่มค้าปลีกจากการเลือกใช้ พับบลิค คลาวด์ ของผู้ให้บริการที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการรับมือกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลง รวมไปถึงรองรับแคมเปญทางการตลาดที่ทำอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา
ปัจจุบันแทบไม่มีธุรกิจค้าปลีกเจ้าใดที่ไม่มีการทำตลาดอีคอมเมิร์ซ หรือการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ทุกรายต่างออกแคมเปญการตลาดเพื่อส่งเสริมการขายมากมายต่อเนื่อง และปรับกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลา เช่น เปิดจองสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เปิด พรี-เซลล์ การรับคูปอง การเปิดเป็นมาร์เก็ตเพลสให้เจ้าของแบรนด์ทำไลฟ์ขายของพร้อมกัน หรือลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ ฯลฯ แน่นอนว่า กิจกรรมเหล่านี้ต้องมีการใช้คลาวด์ และเอไอจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อใช้ในการดำเนินงานส่วนต่างๆ ซึ่งต้องมีระบบการจัดเก็บและส่งต่อข้อมูลที่ปลอดภัย
ดังนั้น การเพิ่มขีดความสามารถการดำเนินงานจากการใช้พับบลิค คลาวด์ ที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศ จึงเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บหรือเรียกใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตาม กฎหมายพีดีพีเอของไทย