วิเคราะห์สเป็ก “Apple Watch Ultra” เหมาะจริงไหมกับสายลุย
มาดูกันว่านาฬิกา “สมาร์ทวอทช์” ที่ทำให้คนรักสุขภาพและรักการผจญภัยถึงกับตื่นเต้นอย่าง “Apple Watch Ultra” จะคุ้มค่าและคู่ควรกับสายลุยจริงหรือไม่?
"เราได้รับแรงบันดาลใจจากนักสำรวจและนักกีฬาทั่วโลกในการสร้าง Apple Watch แนวใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งออกแบบมาสำหรับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ในขั้นเอ็กซ์ตรีม เรียกได้ว่าเป็น Apple Watch ที่สมบุกสมบันและมากความสามารถที่สุดเท่าที่เคยมีมา" เจฟฟ์ วิลเลียม Chief Operating Officer ของ Apple จั่วหัวมาแบบนี้ถึง Apple Watch รุ่นที่หลายคนร้องว้าวทันทีตั้งแต่แรกเห็นหน้าตาและสเป็ก
นี่ถือเป็นการมาของ "Apple Watch" ที่แตกต่างออกไป เพราะไม่เพียงแต่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งไม่บ่อยนักที่ "Apple" จะมาจับกลุ่มสายลุย นักผจญภัย ซึ่งเป็นความท้าทายมากเมื่อต้องแบ่งชิ้นเค้กกับเจ้าตลาดแบรนด์อื่นๆ แต่ความน่าสนใจคือมีหลายเสียงของนักกีฬาและนักผจญภัยที่บอกว่าพร้อมเปลี่ยนใจไปใช้ Apple Watch Ultra แทนสมาร์ทวอทช์เรือนเดิม
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ "Apple Watch Ultra" มาแรงขนาดนี้ มาวิเคราะห์กันตามสเป็กว่าจะเหมาะกับสายลุยจริงหรือไม่
บอดี้ไทเทเนียมเกรดอวกาศ
ตามสเป็กแล้วตัวเรือนของ "Apple Watch Ultra" ผลิตจากไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ นั่นหมายความจะได้ทั้งความทนทานและน้ำหนักเบา ซึ่งในการใช้งานแอดเวนเจอร์ ไม่ว่าจะวิ่งเทรล, เทรคกิ้ง, กีฬาทางน้ำ, กีฬาเอ็กซ์ตรีม หรือการผจญภัยในสภาพภูมิประเทศและสภาพอากาศสุดขั้ว วัสดุไทเทเนียมเอาอยู่แน่นอน ผู้ใช้จึงใช้งานนาฬิกาเรือนนี้ได้เต็มที่ ไร้กังวล
ไม่ใช่แค่บอดี้ที่แข็งแกร่ง แต่หน้าปัดก็เป็นจุดสำคัญ Apple Watch Ultra มีการดีไซน์ตัวเรือนให้สูงขึ้นมาล้อมรอบหน้าจอ Retina เพื่อป้องกันการกระแทกโดยตรงบริเวณหน้าจอ
และด้วยความที่วัสดุมีความทนทานมาก ผลพลอยได้คือจะยังคงความสวยงามได้ยาวนานขึ้น แม้จะผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก
จอสว่าง สู้แดด
ปัญหาสำคัญของการมองจอกลางแดดจัดคือถ้าความสว่างของจอไม่มากพอก็จะทำให้มองเห็นได้ยาก สำหรับ "Apple Watch Ultra" มีจอ Retina ที่สว่างสูงสุดถึง 2,000 นิต หมายความว่านี่คือหน้าจอที่สว่างกว่า "Apple Watch" ทุกรุ่นมากถึง 2 เท่า
ประเด็นนี้เข้าใจได้ง่ายตรงไปตรงมา แสงสว่างหน้าจอ 2,000 นิต ทำให้มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนตลอดการใช้งานในทุกสภาพแวดล้อม และทุกสภาพแสง เพราะส่วนมากหน้าจอของ สมาร์ทวอทช์ทั่วไปจะสู้แสงแดดจัดไม่ไหว จึงอ่านค่าต่างๆ ได้ลำบาก ซึ่งหลายครั้งข้อมูลบนหน้าจอจำเป็นต้องดูแบบเรียลไทม์
มีเม็ดมะยมยักษ์ที่ทำให้ใช้งานง่ายถนัดมือ
เรียกว่าโดดเด่นสะดุดตากับเจ้าเม็ดมะยมยักษ์ หรือปุ่ม Digital Crown ขนาดใหญ่สุดเท่าที่ "Apple Watch" เคยมีมา โดยที่ความใหญ่โตไม่ได้ช่วยเรียกความสนใจจากสายตาคนที่มองมา แต่ปุ่ม Digital Crown ใน "Apple Watch Ultra" ถูกออกแบบมาให้ใหญ่และมีร่องที่กว้างขึ้น เพื่อให้จับถนัด หมุนปรับการใช้งานได้แม้มือจะเปียกน้ำหรือเปื้อนโคลน จุดนี้ถือเป็นไฮไลท์ที่ Apple มาถูกทางมากๆ เพราะการที่ Digital Crown ใหญ่ทำให้เสริมภาพลักษณ์ความแข็งแกร่ง ในขณะที่ตอบโจทย์การใช้งานได้สมบูรณ์แบบ
ส่วนอีกด้านของตัวเรือน มีปุ่มการทำงานสีส้มเพิ่มเข้ามาใหม่ ทำให้มีปุ่มสำหรับควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
สายนาฬิกาที่เข้าใจสายลุย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสบายในการสวมใส่สมาร์ทวอชท์ขึ้นอยู่กับสายนาฬิกา ที่ผ่านมาสายของ "Apple Watch" ก็ทำได้ดีในแทบทุกรุ่น แต่ใน "Apple Watch Ultra" ได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแบบคนคิดเยอะ คิดเผื่อผู้ใช้มาแล้ว โดยมีสายให้เลือกใช้ถึงสามแบบ
สายแบบ Trail Loop เป็นสาย Apple Watch ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา และออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาที่เน้นความทนทานของร่างกายและนักวิ่ง ตัวสายทำมาจากผ้าถักน้ำหนักเบาที่ทั้งนุ่มและยืดหยุ่น จึงยืดให้รัดแน่นได้พอดี พร้อมแถบดึงที่ออกแบบมาให้ปรับสายได้สะดวกรวดเร็วและง่ายดาย
สายแบบ Alpine Loop สร้างมาสำหรับนักสำรวจโดยใช้กระบวนการถักทอที่รวมผ้าสองชั้นเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเนื้อเดียวในแบบที่ไม่ต้องมีรอยตะเข็บ ในขณะที่ห่วงคล้องด้านบนมีเส้นใยความแข็งแรงสูงสอดแทรกอยู่ทั่ว ช่วยให้ปรับสายได้อย่างยืดหยุ่น และคล้องเข้ากับตัวยึดที่เป็นตะขอรูปตัว G ได้แน่นกระชับ
สายแบบ Ocean Band ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกีฬาเอ็กซ์ตรีมทางน้ำและการดำน้ำเชิงนันทนาการ พร้อมตัวล็อคไทเทเนียมและห่วงสปริงที่เข้ากันอย่างลงตัว ตัวสายทำมาจากยางฟลูโอโรอีลาสโตเมอร์ที่ยืดหยุ่น ซึ่งจะยืดออกและรัดเข้ากับรูปทรงแบบท่ออย่างแน่นกระชับ นอกจากนี้สายแบบ Ocean Band ยังมีปลายสายแบบยาวพิเศษให้เลือกซื้อเพิ่ม ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ใส่ทับเว็ทสูทได้สบาย
มี GPS แม่นยำสุดเท่าที่ Apple Watch เคยมีมา
กิจกรรมแอดเวนเจอร์หรือกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ จำเป็นต้องใช้ GPS เพื่อระบุพิกัดและจับตำแหน่งในการอ่านค่าต่างๆ แต่ก็มีหลายครั้งที่สมาร์ทวอทช์กลับจับสัญญาณ GPS ได้ไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่ง "Apple" เคลมว่า "Apple Watch Ultra" มาพร้อม GPS แบบสองคลื่นความถี่ที่แม่นยำ ซึ่งรวม GPS ย่าน L1 และย่านความถี่ล่าสุดอย่าง L5 เข้าด้วยกัน พร้อมด้วยอัลกอริทึมใหม่สำหรับการระบุตำแหน่ง ทั้งหมดนี้ทำให้ Apple Watch Ultra มี GPS ที่ถูกต้องที่สุดเท่าที่ "Apple Watch" เคยมีมา และแสดงระยะทาง เวลาเฉลี่ยต่อระยะทาง และเส้นข้อมูลสำหรับการฝึกซ้อมและแข่งขันได้อย่างแม่นยำที่สุด
วัดค่าได้พร้อมกัน 6 ค่า
ด้วยความที่ "Apple Watch Ultra" ใช้ระบบปฏิบัติการ watchOS 9 ซึ่งมีคุณสมบัติวัดค่าขั้นสูง ทำให้ Apple Watch Ultra เป็น "Apple Watch" เพียงรุ่นเดียวที่แสดงค่าวัดได้ถึง 6 ค่าพร้อมกัน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังยกระดับการฝึกซ้อมด้วยคุณสมบัติ เช่น โซนอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกายแบบกำหนดเอง ตัววัดเวลาเฉลี่ย และเส้นทางการแข่งขัน ซึ่งจะพร้อมให้ใช้งานภายในปีนี้ ส่วนผู้ที่เป็นนักไตรกีฬา ทวิกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ต้องว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือวิ่ง ต่อเนื่องกันไม่ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ก็มีการออกกำลังกายแบบมัลติสปอร์ตใหม่ ซึ่งตรวจจับแล้วสลับระหว่างการออกกำลังกายแต่ละประเภทโดยอัตโนมัติด้วย
แบตเตอรี่อึดระดับ Ironman
ในการแข่งขันไตรกีฬาระยะมาตรฐานไกลที่สุด คือ Ironman ประกอบด้วย ว่ายน้ำ 3.8 Km ปั่นจักรยาน 180 Km และการวิ่ง 42 Km ต่อเนื่อง เป็นตัวอย่างของการแข่งขันกีฬาที่กินเวลายาวนานและใช้งาน "สมาร์ทวอทช์" เพื่อวัดค่าต่างๆ ต่อเนื่อง ซึ่งแบตเตอรี่ของนาฬิกาจำเป็นต้องจุมากพอที่จะใช้งานได้จนจบกิจกรรม
แน่นอนว่า "Apple Watch Ultra" มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมงเมื่อใช้งานตามปกติโดยที่มี iPhone อยู่ด้วย และเพียงพอให้ผู้ใช้ส่วนมากแข่งขัน Ironman ได้สำเร็จ
มีฟีเจอร์สำหรับการผจญภัยและกีฬามากมาย
"Apple Watch Ultra" รองรับการใช้งานแอปพลิเคชั่นที่จะมีใน watchOS 9 ซึ่งหลายแอพตอบโจทย์ผู้ใช้งานสายลุยมากๆ เช่น แอพเข็มทิศที่สะดวกรวดเร็วในการปักตำแหน่งหรือจุดสนใจลงในแอปโดยตรง เพียงแค่กดปุ่มการทำงานหรือแตะไอคอนจุดอ้างอิงเข็มทิศเพื่อวางจุดอ้างอิงที่แก้ไขได้โดยการแตะไอคอนที่ปรากฏขึ้นมา และยังมีกลไกหน้าปัด จุดอ้างอิงเข็มทิศ" ที่จะอัปเดตทั้งทิศทางของจุดอ้างอิงและระยะทางโดยประมาณอยู่อย่างต่อเนื่องในแบบเรียลไทม์
หรือคุณสมบัติการติดตามการเดินใช้ข้อมูล GPS เพื่อสร้างเส้นทางที่ผู้ใช้เดินผ่านมา ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่หลงทิศหรือหลงทาง และต้องการความช่วยเหลือในการเดินย้อนกลับเส้นทางเดิม อีกทั้งยังตั้งค่าให้คุณสมบัตินี้ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณได้ด้วย
มีไซเรนขอความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน
เป็นฟีเจอร์ที่เรียบง่ายแต่ได้ประโยชน์มาก นั่นคือการที่ "Apple Watch Ultra" มีเสียงไซเรนดัง 86 เดซิเบล ซึ่งออกแบบมาสำหรับเหตุฉุกเฉินในกรณีที่ผู้ใช้หลงทางหรือได้รับบาดเจ็บ และช่วยเรียกความสนใจจากตำแหน่งที่ผู้ใช้อยู่ได้ โดยเสียงไซเรนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะดังเป็นรูปแบบซ้ำๆ สลับกันสองแบบ และยังดังได้นานหลายชั่วโมงด้วย
เสียงไซเรนรูปแบบแรกบ่งบอกถึงการประสบเหตุร้าย ในขณะที่รูปแบบที่สองเป็นการเลียนเสียงสัญญาณ SOS ที่ใช้กันในระดับสากล
ทนทุกสภาพอากาศ
"Apple Watch Ultra" ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ในพื้นที่สุดโหดและห่างไกล ตั้งแต่บนภูเขาอันหนาวเหน็บที่ -20° C จนถึงทะเลทรายร้อนระอุที่55° C โดยเจ้า Apple Watch Ultra ผ่านการรับรองในด้านต่างๆ ตามมาตรฐาน MIL-STD 810H ซึ่งใช้สำหรับอุปกรณ์ทางการทหารและนิยมใช้ในหมู่ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่สมบุกสมบัน โดยในการทดสอบนั้นมีทั้งความกดอากาศต่ำ (ระดับความสูง), อุณหภูมิสูง, อุณหภูมิต่ำ, การเปลี่ยนอุณหภูมิกะทันหัน, การปนเปื้อนจากของเหลว, ฝน, ความชื้น, การแช่ทรายและฝุ่น, การแช่แข็งพร้อมการละลาย, น้ำแข็งและฝนเยือกแข็ง, การกระแทก, การสั่นสะเทือน และอื่นๆ
สำหรับการใช้งานในที่มืด เมื่อหมุน "Digital Crown" ขณะใช้หน้าปัดเวย์ไฟน์เดอร์ อินเทอร์เฟซจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเพราะม่านตาจะรับแสงแบบนี้ได้ดี
เกิดมาเพื่อกีฬาทางน้ำโดยเฉพาะ
ข้อมูลจาก "Apple" ระบุว่า "Apple Watch Ultra" ได้รับการออกแบบมาสำหรับกีฬาทางน้ำ รวมถึงกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมต่างๆ อย่าง Kitesurf และWakeboard และการดำน้ำสกูบาเชิงนันทนาการได้ถึงความลึก 40 เมตรด้วยแอป Oceanic+ ใหม่ และ Apple Watch Ultra ก็ได้รับการรับรอง WR100 จึงพร้อมสำหรับการผจญภัยในโลกใต้น้ำ
นอกจากนี้ Apple Watch Ultra ยังได้รับการรับรอง EN13319 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงตัววัดความลึกที่นักดำน้ำเชิงนันทนาการทั่วโลกไว้ใจ
สำหรับแอป Oceanic+ ใหม่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Huish Outdoors ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยและน่าเชื่อถือสำหรับการดำน้ำเชิงนันทนาการ นี่จึงเป็นแอปที่จะเปลี่ยน Apple Watch Ultra ให้กลายเป็นไดฟ์คอมพิวเตอร์มากความสามารถ ซึ่งใช้อัลกอริทึมการลดความกดของ Bühlmann และยังมาพร้อมการวางแผนดำน้ำ ค่าวัดการดำน้ำที่อ่านง่าย การเตือนทางภาพและการสั่น ระยะเวลาที่จะไม่ติดดีคอมเพรสชั่น การเปลี่ยนระดับขึ้น รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับเซฟตี้สต็อป โดยที่แอปนี้จะพร้อมให้ดาวน์โหลดจาก App Store ภายในปีนี้
มีไมโครโฟน 3 ตัวที่ใช้ได้จริงทุกสภาวะ
ปัญหาอย่างหนึ่งของการใช้งาน "Apple Watch" กลางแจ้ง คือเมื่อต้องใช้เพื่อการสนทนา คุณภาพเสียงจะไม่ดีหรือมีเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อม จนแทบจะใช้งานไม่ได้จริง ทั้งที่ฟีเจอร์สนทนาผ่านนาฬิกาช่วยให้การทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเล่นกีฬาสะดวกมาก
ซึ่ง "Apple Watch Ultra" แก้ไขจุดบกพร่องนี้ด้วยการให้ไมโครโฟน 3 ตัวที่เพิ่มคุณภาพเสียงขณะคุยโทรศัพท์ให้ดีขึ้นมากในทุกสภาพแวดล้อม พร้อมด้วยอัลกอริทึมบีมฟอร์มมิ่งแบบปรับตามสภาวะที่ใช้ไมโครโฟนเพื่อจับเสียงพูดพร้อมๆ กับลดเสียงรอบข้าง ช่วยให้เสียงมีความชัดเจนจนต้องทึ่ง และเมื่ออยู่ในที่ที่มีลมแรง Apple Watch Ultra ก็จะใช้อัลกอริทึมสำหรับลดเสียงรบกวนจากลม ร่วมกับการเรียนรู้ของระบบเพื่อทำให้เสียงขณะคุยโทรศัพท์นั้นฟังชัด
...
จากคุณสมบัติต่างๆ ถ้าคุณคือนักกีฬา นักผจญภัย หรือคุณเป็นสายลุย "Apple Watch Ultra" คือตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้