เกมเมอร์ว่าไง? เมื่อ “iPhone 14” อาจขึ้นแท่น “มือถือเล่นเกม” ที่ดีที่สุด

ลือกันหนาหูตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว ว่า iPhone 14 จะเป็น สมาร์ทโฟน ที่เล่นเกมที่ดีที่สุดเครื่องหนึ่งในตลาดปัจจุบัน จนกระทั่งสเป็กจริงเปิดออกมาพร้อมกับหน้าตาที่หลายคนก็บอกว่าเหมือนเดิม เพิ่มเติมเพียงฟีเจอร์บางอย่างเข้ามา แต่สำหรับสายเกม ต้องมาดูกันว่าเมื่อถอดรหัสสเป็กที่ Apple ยัดมาใน iPhone 14 จะดันให้ขึ้นแท่นเป็นมือวางอันดับหนึ่งของ มือถือเล่นเกม ได้หรือไม่

สำหรับ “สมาร์ทโฟน” ที่จะถูกบรรจุให้อยู่ในสายเกมได้นั้น ต้องแยกส่วนสเป็กดูกันเป็นเรื่องๆ ตั้งแต่ชิปประมวลผล, แรม, หน้าจอ และแบตเตอรี่

ชิป

ชิป A16 Bionic ใน iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max คือจุดแข็งที่สุดของ "iPhone 14" ระดับเรือธงในซีรีส์ ทิ้งห่างคู่แข่งหลายเจเนอเรชั่น โดยมี CPU แบบ 6-core ใหม่มาพร้อมคอร์ประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 4 คอร์ ทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุด 40 เปอร์เซ็นต์ หายห่วงเมื่อต้องรับมือกับการประมวลผลหนักๆ

และชิป A16 Bionic ยังมาพร้อม GPU แบบ 5-core ที่รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่มากขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จึงเหมาะกับเกมและแอปที่เน้นกราฟิก และยังมี Neural Engine แบบ 16-core ใหม่ ที่ประมวลผลได้เกือบ17 ล้านล้านรายการต่อวินาที ชิปนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบฟิวชั่นที่ดีที่สุดของ "Apple" เพื่อผสานประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานเข้าด้วยกัน

ส่วนชิป A15 Bionic ใน iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มี GPU แบบ 5-core ที่ยังคงเร็วกว่าคู่แข่งในทุกช่วงราคาช่วยให้กราฟิกในการเล่นเกมประสิทธิภาพสูงราบรื่น และด้วย CPU แบบ 6-core ก็รับมือกับงานหนักๆ ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับ A16 Bionic ขณะที่ Neural Engine แบบ 16-core ก็ดำเนินการได้ถึง 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที จึงช่วยให้การประมวลผลระบบรวดเร็วยิ่งขึ้น

ในข้อนี้ไม่ว่าจะเป็น A16 Bionic หรือ A15 Bionic ก็ล้วนเป็นชิปที่เหมาะกับการเล่นเกมอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะเป็นเกมที่กราฟิกโหดก็น่าจะเอาอยู่สบายๆ

RAM

ถึง "Apple" จะกั๊กสเป็ก RAM เอาไว้ แต่ล่าสุดมีข้อมูลจากเว็บไซต์ MacRumors ว่า ใน Xcode 14 beta ระบุว่า "iPhone 14" ทุกรุ่นจะได้ RAM ขนาด 6GB ทุกรุ่น เรียกได้ว่าเท่ากันอีกครั้งหลังจากครั้งแรกที่เกิดขึ้นใน iPhone 11 Series แต่ว่าสิ่งที่แตกต่างกันคือชนิดของ RAM เพราะ "iPhone 14 Pro Max" กับ "iPhone 14 Pro" จะใช้ LPDDR5 และ "iPhone 14" กับ "iPhone 14 Plus" จะเป็น LPDDR4X

เมื่อดูตัวเลข RAM 6GB อาจดูน้อยกว่า มือถือเกมมิ่ง ค่ายอื่นๆ ที่ดันกันไปเป็นขั้นต่ำ 8GB กันหมดแล้ว ทว่าในการใช้งานเล่นเกม Apple จัดการ RAM ได้ดีมากอยู่แล้ว เพราะระบบปฏิบัติการ iOS ออกแบบมาให้บริหารจัดการและใช้งาน RAM ได้ดีกว่าฝั่งแอนดรอยด์ และยิ่งเทคโนโลยีในการ์ดจอที่พัฒนาขึ้นของ iPhone 14 ทำให้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ RAM ได้ดีขึ้นไปอีก

ถึงขนาดว่าตัวเลข 6GB ใน "iPhone 14" อาจเทียบได้กับตัวเลขที่มากกว่านี้เป็นเท่าตัวขึ้นไปเมื่อเทียบกับค่ายอื่น

หน้าจอ

สำหรับ "iPhone 14  Pro" กับ "iPhone 14 Pro Max" มีทั้งรุ่น 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้จอภาพ Super Retina XDR ใหม่ จอภาพนี้มีระดับความสว่าง HDR สูงสุดเฉพาะจุดเทียบเท่ากับ Pro Display XDR และเป็นจอที่สู้แสงเมื่อใช้งานกลางแจ้งได้สูงสุด 2,000 นิต หรือสว่างกว่า iPhone 13 Pro ถึงสองเท่า

ส่วน "iPhone 14" และ "iPhone 14 Plus" มีจอ 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 6.1 นิ้ว และขนาด 6.7 นิ้ว จอภาพที่ใหญ่ขึ้นของ iPhone 14 Plus เหมาะมากสำหรับการเล่นเกม ทั้งสองรุ่นยังมีดีไซน์ด้านในที่อัปเดตใหม่เพื่อประสิทธิภาพในการควบคุมความร้อนที่ดียิ่งขึ้น, จอภาพ Super Retina XDR ที่สวยสะดุดตาพร้อมเทคโนโลยี OLED ที่รองรับความสว่างสำหรับคอนเทนต์แบบ HDR สูงสุดถึง 1,200 นิต, อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000 : 1 และ Dolby Vision

โดยที่ทั้ง 4 รุ่น ได้จอ 120Hz มั่นใจได้เลยว่าจะมีความลื่นไหล ราบรื่น เนียนตา

แบตเตอรี่

ข้อดีของ "iPhone" ไม่ว่าจะ "iPhone 14" หรือรุ่นที่ผ่านๆ มา ตัวเลขแบตเตอรี่จะตรงกับที่ระบุมา ซึ่งใน iPhone 14 ให้แบตมา 3,279 mAh, iPhone 14 Plus ให้แบตมา 4,325 mAh, iPhone 14 Pro ให้แบตมา 3,200 mAh และ iPhone 14 Pro Max ให้แบตมา 4,323 mAh

เมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone 13 พบว่า โดยรวมแล้ว iPhone 14 มีความจุแบตเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า คือ iPhone 13 mini ให้แบตมา 2,406 mAh, iPhone 13 ให้แบตมา 3,227 mAh, iPhone 13 Pro ให้แบตมา 3,095 mAh แต่ iPhone 13 Pro Max ให้แบตมา 4,352 mAh ซึ่งเป็นรุ่นที่ยังให้แบตเตอรี่มาใกล้เคียงเดิม

ในภาพรวมแบตเตอรี่ของทั้ง 4 รุ่น ก็มากพอที่จะใช้เล่นเกมอย่างต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง และจัดการเรื่องความร้อนได้ดีพอสมควร คืออาจจะยังร้อนแต่ไม่มากนัก

สรุปได้ว่า ทั้ง 4 ปัจจัยในการเป็น มือถือเล่นเกม ของ iPhone 14 Series ล้วนทำให้การบริหารจัดการ RAM มีประสิทธิภาพมาก แม้จะไม่ใช่ “สมาร์ทโฟน” ที่แสดงผลหน้าจอได้สวยที่สุด แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะไหลลื่นที่สุด และครบเครื่องที่สุด

ยกเว้นปัญหาที่ติดตัว "iPhone" มาตั้งแต่ iPhone 7 คือรูเสียบหูฟัง 3.5 ไม่มี แล้วยังคงใช้รูชาร์จแบบ Lightning ต่อไป ทำให้การใช้หูฟังต่อกับ "iPhone 14 Series" เวลาเล่นเกม ไม่สะดวกนัก โดยต้องใช้อะแดปเตอร์ Lightning to 3.5 mm ซึ่งก็ชาร์จแบตไปเล่นเกมโดยใส่หูฟังไปพร้อมกันไม่ได้ (ในสมาร์ทโฟนหลายรุ่น หลายแบรนด์ก็ประสบปัญหาเดียวกัน)