“Liveness Detection” สกัดภัยเสี่ยงธุรกรรมดิจิทัล!! - ไม้เด็ด 'สกายไอซีที'
วันนี้แทบทุกสิ่งอยู่บนโลกดิจิทัล ให้ผู้คนสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเจอหน้ากัน แม้แต่การทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทฯ การซื้อขายทางอีคอมเมิร์ซ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่ทำธุรกรรมด้วยมีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่การแอบอ้าง
สกายไอซีที ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ “Liveness Detection” เจาะกลุ่มธุรกิจฟินเทค เอ็นเตอร์ไพร์ซ เปลี่ยนโลกธุรกรรมดิจิทัลให้ปลอดภัย ลดเสี่ยง ชี้เป็นเทคโนโลยีที่ยกระดับ e-KYC พิสูจน์ตัวตนผู้ใช้งานได้แม่นยำ
วันนี้แทบทุกสิ่งอยู่บนโลกดิจิทัล ให้ผู้คนสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเจอหน้ากัน แม้แต่การทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน การซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีหรือสินทรัพย์ดิจิทัล การซื้อขายทางอีคอมเมิร์ซ การซื้อประกันภัย การสอบประเมินผล หรือการพบแพทย์ผ่าน “เทเลเมดิซีน” ล้วนแต่ทำได้ง่ายและรวดเร็วเพียงปลายนิ้ว แต่อีกแง่มุมหนึ่งก็เกิดคำถามตามมาเช่นกันว่าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่ทำธุรกรรมด้วยมีตัวตนจริง ๆ ไม่ใช่การแอบอ้าง
เทคโนโลยีการทำความรู้จักลูกค้าด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-KYC จึงถูกพัฒนาขึ้น เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ของบุคคลจากใบหน้าร่วมกับฐานข้อมูลอื่นๆ สกาย ไอซีที หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการดิจิทัล แพลตฟอร์ม และ เอไอ-เอ็มพาวเวอร์ โซลูชั่น ระดับประเทศ มองเห็นการเติบโตก้าวกระโดดของไลฟ์สไตล์ดิจิทัลเหล่านี้ จึงยกระดับแพลตฟอร์ม e-KYC ให้สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และช่วยสร้างความปลอดภัยขั้นสูงให้กับทุกธุรกรรมลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมทางการเงินและการฟอกเงิน
ชูระบบตรวจจับภาพเคลื่อนไหว
ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เล่าว่า สกาย ไอซีที สร้างความโดดเด่นให้กับแพลตฟอร์ม e-KYC ด้วยการใช้ เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า (Face Recognition) จากพันธมิตรผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านเอไอระดับโลก ที่มาพร้อม กลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจับภาพเคลื่อนไหว (Interactive Face Liveness Detection) ช่วยเสริมประสิทธิภาพการพิสูจน์ตัวตนป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลชีวมิติ อาทิการวิเคราะห์และเปรียบเทียบใบหน้ากับฐานข้อมูล หรือรูปหน้าบัตรประชาชน โดยผ่านการทดสอบประสิทธิภาพจากสถาบัน NIST สหรัฐอเมริกาว่า สามารถป้องกันการแอบอ้างตัวตนด้วยการใช้ภาพใบหน้าของผู้อื่นซ้อนทับได้อย่างแม่นยำ
“เทคโนโลยี Interactive Face Liveness Detection บนแพลตฟอร์มe-KYC ของสกาย ไอซีที ยังมีการต่อยอดและปรับรูปแบบการใช้งานให้เข้ากับบริบทและลักษณะทางกายภาพของคนไทยต่างจากระบบ e-KYC ทั่วไปที่ซื้อสิทธิ์การใช้งานจากผู้พัฒนาต่างประเทศโดยตรงแล้วนำมาใช้ทันที ทำให้แพลตฟอร์ม e-KYC ของเราโดดเด่นเรื่องประสิทธิภาพในการจดจำและเปรียบเทียบอัตลักษณ์ผู้ใช้งานคนไทยได้รวดเร็วและมีความแม่นยำ” ขยล อธิบาย
สำหรับ แพลตฟอร์ม e-KYC จากสกาย ไอซีที มีทั้งหมด5ฟีเจอร์เด่น ประกอบด้วย 1.การตรวจจับใบหน้า (Face Detection) สแกนใบหน้าด้วยระบบ 2D เพื่อแปลงอัตลักษณ์ให้เป็นข้อมูลอ้างอิงชีวมิติ
2.การปรับคุณภาพรูปถ่าย (Face Quality) โดยวิเคราะห์และตรวจสอบความคมชัดของใบหน้าจากรูปภาพ
3.การจำแนกข้อมูลอัตลักษณ์จากใบหน้า (Face Attributes) วิเคราะห์องค์ประกอบของใบหน้าเพื่อระบุคุณลักษณะ เช่น เพศ อายุ การสวมใส่แว่นตา หรือหน้ากากอนามัย
4.การเปรียบเทียบใบหน้า (Face Comparison) วิเคราะห์เปรียบเทียบใบหน้าปัจจุบันกับฐานข้อมูล เช่น บัตรประชน เพิ่มความแม่นยำในการพิสูจน์ตัวตน5.การตรวจจับภาพเคลื่อนไหวแบบตอบสนอง (Video Interactive LivenessDetection) ยืนยันตัวตนโดยเคลื่อนไหวตามคำร้องขอของระบบ อาทิ หันใบหน้า กระพริบตา พร้อมตรวจจับทุกองค์ประกอบของใบหน้า เพื่อป้องกันการนำรูปถ่าย หน้ากาก หรือไฟล์วิดีโอมาแอบอ้าง
เจาะกลุ่มฟินเทค+สินทรัพย์ดิจิทัล
“ปัจจุบันแพลตฟอร์ม e-KYC หลายกลุ่มธุรกิจนำไปใช้ โดยเฉพาะกลุ่มฟินเทค เช่น แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีแนวโน้มผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังนำ e-KYC ไปพัฒนาต่อยอดสู่แพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยใหม่ๆ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับคนทุกวัย คาดว่าจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้” ขยล เล่า
ผู้บริหารสกายไอซีที อธิบายว่า แพลตฟอร์ม e-KYC สามารถตอบโจทย์ความต้องการความปลอดภัยขั้นสูงแก่ลูกค้าองค์กร 4 ด้าน ได้แก่
1.มีความแม่นยำสูง (High Accuracy) จากการใช้แพลตฟอร์ม e-KYC ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดบน NIST
2.ดูแลความปลอดภัยของข้อมูล (Data Security) โดยทำงานผ่านระบบคลาวด์ เบส โซลูชั่น ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
3.ลดเวลาในการรับส่งข้อมูล (Low Latency Data) ส่งข้อมูลได้รวดเร็วกว่าโดยไม่ลดประสิทธิภาพในการทำงาน
4.ใช้ต้นทุนน้อยกว่า (Cost Reduction) ช่วยลดต้นทุนต่อการทำธุรกรรม(Transaction)ของผู้ประกอบการธุรกิจ