ขับรถห้ามโทรศัพท์? 4 "หูฟังไร้สาย" ฟังเพลงก็ได้คุยสายก็ดี
กฎหมายห้ามโทรศัพท์ขณะขับรถกำลังมาควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายหลังพวงมาลัย แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าแล้วจะใช้ "หูฟังไร้สาย" รุ่นไหนดี ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานอื่นๆ ทั้งดูหนังฟังเพลง และที่สำคัญต้องใช้คุยสายได้แจ่มๆ ด้วย
หลังจากที่ราชกิจจานุเบกษาออกมาระบุว่าต่อไปนี้ผู้ขับขี่รถยนต์ ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ โดยสรุปง่ายๆ ว่า ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ผู้ขับขี่ขับรถห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่ว่าจะ สมาร์ทโฟน หรือ โทรศัพท์มือถือ แบบอื่นๆ เด็ดขาด เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น
และในหลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถที่ระบุไว้ในประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ขณะขับรถ พ.ศ. 2565 ฉบับนี้ ในข้อที่ 4 บอกไว้ว่า ให้ผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้
1. ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาหรือระบบกระจายเสียงจากเครื่องโทรศัพท์ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่
2. ใช้อุปกรณ์เสริมพิเศษสำหรับยึดหรือติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้กับส่วนหน้าของตัวรถทุกครั้งก่อนการขับรถ ทั้งนี้ ต้องไม่บดบังทัศนวิสัยหรือเสียความสามารถในการขับรถ
กรณีผู้ขับขี่มีความจำเป็นต้องถือ จับ หรือสัมผัสโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อใช้งานโดยประการใดๆ ให้ผู้ขับขี่หยุดหรือจอดรถในสถานที่สำหรับจอดรถอย่างปลอดภัย ก่อนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว
เมื่อผู้ขับขี่รถต้องหาอุปกรณ์เสริมมาช่วยให้ปลอดภัยและไม่ผิดกฎหมาย KT Review กรุงเทพธุรกิจไอทีจะมาแนะนำ หูฟังไร้สาย 4 รุ่นจาก 4 แบรนด์ค่ายมือถือดัง ที่ทั้งดีและตอบโจทย์ทั้งการฟังเพลงและการใช้โทรเข้า-ออก
Samsung Galaxy Buds2 Pro (6,990 บาท)
นี่คือ “หูฟังไร้สาย” ที่ทำให้โน้ตทุกตัวถูกต้องสมจริง โดยเฉพาะการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ในตระกูล Samsung Galaxy ซึ่งมีเทคโนโลยี Samsung Seamless Codec ที่พัฒนากว่าเดิมช่วยเข้ารหัสเสียง 24-bit ได้อย่างเต็มรูปแบบและจะถูกถอดรหัสโดย Galaxy Buds2 Pro ซึ่งช่วยให้ได้เสียงคุณภาพสูง 24-bit แบบเดิม
สำหรับการสนทนาสาย ก็มีฟีเจอร์ Auto Switch ใน Galaxy Buds2 Pro ที่จะตรวจจับการใช้งานที่เกิดขึ้นในอุปกรณ์ Samsung Galaxy ต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาด และช่วยเปลี่ยนการเชื่อมต่อไปยังสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และสมาร์ทวอทช์ได้อย่างง่ายดาย โดยเปลี่ยนไปรับสายโทรศัพท์ได้ แม้ว่าจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อะไรอยู่ก็ตาม เช่น เมื่อ Galaxy Buds2 Pro เชื่อมต่อเข้ากับทีวี Samsung ด้วย Bluetooth ก็ไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก เพื่อรับโทรศัพท์แต่อย่างใด รับสายโทรเข้าได้ด้วยการแตะที่ Galaxy Buds2 Pro สองครั้ง ซึ่งในขณะขับรถก็เช่นกัน
Huawei FreeBuds Pro 2 (6,499 บาท)
“หูฟังไร้สาย” รุ่นนี้นอกจากไม่มีสายแล้วยังไม่มีปุ่มกดที่เป็นแบบอะนาล็อก ทว่าใช้ระบบสัมผัส ทำให้ดีไซน์ของ “HUAWEI FreeBuds Pro 2” จะค่อนข้างไร้รอยต่อ เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
ระบบสัมผัสนี้ใช้ในการเปิดใช้งาน และควบคุมระดับเสียง ด้วยการรูดนิ้วไปบริเวณก้านหูฟังนั่นเอง ส่วนการบีบที่ก้านหูฟังหนึ่งครั้งคือการเล่นหรือหยุดเพลง หากบีบสองครั้งคือเลื่อนไปเพลงถัดไป บีบสามครั้งจะย้อนกลับไปเพลงก่อนหน้า และบีบค้างไว้ทั้งสองข้างคือการสลับโหมดระหว่างโหมดตัดเสียงรบกวนกับโหมด Ambient ซึ่งการออกแบบให้มีความ Seamless แบบนี้ ก็รวมไปถึงการช่วยให้หูฟังรุ่นนี้มีความสามารถป้องกันน้ำได้ถึงระดับ IP54 เลยทีเดียว เรียกได้ว่าใช้งานกันได้ทั้งชิลๆ หรือจะเอาไปลุยหน่อยก็ไม่ต้องกลัวพัง
ด้านคุณภาพเสียงก็โหดจัดกว่ารุ่นเก่ามากพอสมควร นั่นเพราะการร่วมกับ DEVIALET สร้างสรรค์คุณภาพเสียงแบบ Hi-Res Wireless Dual HD Audio ซึ่งผ่านการรับรองคุณภาพ HWA
เรื่องการสนทนาก็ทำได้ดีมาก ด้วยความที่มีไมโครโฟนถึง 4 ตัว แบ่งหน้าที่กันคือ 2 ตัวหันออกด้านนอก ทำหน้าที่ตรวจจับและระบุเสียงรบกวนรอบข้างอย่างแม่นยำด้วยเทคโนโลยี Beamforming ส่วนไมโครโฟนอีก 1 ตัวหันเข้าด้านใน เป็นไมโครโฟนแบบ SNR (signal-to-noise ratio) คอยจับสัญญาณเสียงพูดของผู้ใช้ และตัวสุดท้ายเป็น Bone Conduction Microphone ที่แยกแยะระหว่างเสียงบรรยากาศโดยรอบกับเสียงพูดของผู้ใช้ได้ด้วยการสัมผัสการสั่นของกระดูกและเนื้อเยื่อบริเวณช่องหู ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพเสียงสนทนาให้ชัดใสในทุกสถานการณ์
Xiaomi Flipbuds Pro
นี่เป็น “หูฟังไร้สาย” อีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมเนื่องจากเป็นหูฟังที่มีดีไซน์สวย ให้คุณภาพเสียงที่ดี ชัดเจน เหมาะแก่การดูหนัง ฟังเพลง ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมาะกับการใช้คุยโทรศัพท์อีกด้วย เนื่องจากตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างดี มีไมโครโฟนในตัว
ไม่เพียงเท่านั้นยังเชื่อมต่ออุปกรณ์สองเครื่องได้พร้อมกัน ที่สำคัญ Xiaomi Flipbuds Pro เป็นหูฟังบลูทูธจึงใช้งานได้สะดวก ชาร์จแบบไร้สายได้ และแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 7 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นหูฟังไร้สายสเปคแรงแต่ราคาคุ้มค่ากับคุณภาพ
AirPods Pro 2 (วางจำหน่ายเร็วๆ นี้ในราคา 8,990 บาท)
หูฟังรุ่นนี้ถือเป็น AirPods ที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมี ด้วยพลังของชิป H2 ใหม่ AirPods Pro 2 ปลดล็อกประสิทธิภาพด้านเสียงที่เหนือชั้น ซึ่งรวมถึงการอัปเกรดครั้งสำคัญสำหรับการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟและโหมดฟังเสียงภายนอก และในขณะเดียวกันก็มอบประสบการณ์ระบบเสียงตามตำแหน่งที่เต็มอิ่มสมจริงยิ่งขึ้น และยังโดดเด่นด้วยการควบคุมแบบสัมผัส ไม่ว่าจะในการเล่นไฟล์มีเดียและปรับระดับเสียงได้โดยตรงจากก้านหูฟัง รวมถึงแบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น เคสชาร์จแบบใหม่หมด และจุกหูฟังอีกหนึ่งขนาดใหม่เพื่อความกระชับพอดียิ่งขึ้น
ซึ่งการใช้งานแบบสัมผัสนี้มีประโยชน์ในเรื่องการใช้งานโทรศัพท์ด้วย คือบีบที่ก้านเพื่อรับสายโทรศัพท์ได้ทันที