‘ลาซาด้า’ ประเดิมโชว์รายงานผลกระทบ ESG สู่สาธารณะครั้งแรก
ลาซาด้า กรุ๊ป เผยแพร่รายงานผลกระทบด้าน ESG ฉบับแรก โชว์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ชูพันธกิจขสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนพร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวก
ลาซาด้า แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยแพร่รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ฉบับแรกของบริษัท "Shaping the Future of the Digital Economy for 2022" หรือ "สร้างอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2565"
รายงานดังกล่าว ได้นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในการใช้อีคอมเมิร์ซเป็นพลังขับเคลื่อน เพื่อยกระดับชุมชน ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน และบริหารจัดการผลกระทบของธุรกิจที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
เจมส์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวว่า รายงานดังกล่าวยังนำเสนอกรอบการทำงานด้าน ESG ของบริษัท และหลักสี่ประการ ประกอบด้วย การเสริมพลังชุมชน บุคลากรที่มีความพร้อมสำหรับอนาคต การดูแลการดำเนินงานที่มีความรับผิดชอบ และการกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพ
โดยได้เน้นถึงความสำเร็จที่โดดเด่นของบริษัทภายใต้หลักทั้งสี่ประการ ดังนี้:
การเสริมพลังชุมชน
- ผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทั่วทั้งภูมิภาค: ในทั้งหกประเทศ ลาซาด้าได้สร้าง 1.1 ล้านโอกาสทางเศรษฐกิจ ภายใต้ระบบนิเวศของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งประกอบด้วยผู้ขาย ผู้ให้บริการการค้าดิจิทัล คู่ค้าโลจิสติกส์ รวมถึงพนักงาน
- การบริการ โครงสร้างพื้นฐานและการเสริมสร้างขีดความสามารถ เพื่อส่งเสริมชุมชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้:
พันธกิจของลาซาด้าในการตอบแทนสังคมและชุมชน ด้วยโครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างสังคมที่มีความสามารถในการปรับตัว เช่น การรับมือกับโควิด-19 และการบรรเทาภัยพิบัติในประเทศต่างๆ ที่ได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปีแรก ๆ ของการดำเนินธุรกิจของลาซาด้า
ลาซาด้าทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในท้องถิ่น เพื่อพัฒนาโครงการสนับสนุนผู้หญิงในการเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงยกย่องผู้ประกอบการหญิงที่ประสบความสำเร็จในการสร้างธุรกิจให้เติบโตกับลาซาด้า
บุคลากรที่มีความพร้อมสำหรับอนาคต
- สภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างสำหรับพนักงาน: ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พนักงานโดยรวมของทั้งลาซาด้า กรุ๊ป มีจำนวนเพิ่มขึ้น 18% และมีสัดส่วนเป็นผู้หญิงถึง 43% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ 32%
- การพัฒนาชุดทักษะและความรู้สำหรับผู้มีความสามารถด้านดิจิทัลในวงกว้าง: ลาซาด้าได้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ เช่น มหาวิทยาลัยลาซาด้า (Lazada University) โครงการการศึกษาที่จัดขึ้นโดยเฉพาะเพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ขาย และเทศกาลการเรียนรู้ลาซาด้า ประจำปี 2565 (Lazada Learning Festival 2022) ซึ่งเป็นเทศกาลการเรียนรู้เสมือนจริงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้ความรู้และสร้างการมีส่วนร่วมกับบุคคลทั่วไป
การดูแลการดำเนินงานที่มีความรับผิดชอบ
- ปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ลดลง: ลาซาด้าเริ่มใช้บัญชีคาร์บอนพื้นฐานเพื่อระบุแหล่งที่มาหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในการดำเนินงานต่าง ๆ ซึ่งผลลัพธ์จากการจัดทำบัญชีคาร์บอนดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของลาซาด้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อีกทั้งยังสอดคล้องกับเป้าหมายระดับโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การลดการใช้วัสดุและมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจหมุนเวียน: เรดมาร์ท (RedMart) ธุรกิจของชำโดยลาซาด้า สิงคโปร์ ได้เลี่ยงการใช้พลาสติกผลิตใหม่ราว 30 ตัน ด้วยการเปลี่ยนขวดน้ำฉลากเรดมาร์ทมาเป็นวัสดุพลาสติก PET รีไซเคิล 100%
การกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพ
- มาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น: ลาซาด้าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไม่กี่รายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรองตาม ISO 27001:2013 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับนานาชาติในด้านความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศที่วางแนวทางแบบองค์รวมในการสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับการรักษาข้อมูล
- แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศสำหรับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา: ลาซาด้าเป็นบริษัทการค้าดิจิทัลแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีทีมงานด้านการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (IPR) โดยเฉพาะ เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ทีมงานดังกล่าวได้มีการตรวจจับเชิงรุกและการนำสินค้าลอกเลียนแบบออกจากแพลตฟอร์ม ส่งผลให้มีการขจัดเชิงรุกก่อนที่จะเกิดธุรกรรมได้ 98% ในปี 2564
แฟรงค์ หลัว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวว่า ความก้าวหน้าที่ได้บรรลุในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เป็นรากฐานความสำเร็จและทิศทางที่ยั่งยืน ในการขับเคลื่อนผลกระทบด้าน ESG
ลาซาด้ามุ่งสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งเพื่อเชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขาย แนวทางของเราคือการใช้ 'กรอบความคิดแบบระบบนิเวศ' (ecosystem mindset) ด้วยการเพิ่มการทำงานร่วมกันกับพาร์ทเนอร์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราตลอดห่วงโซ่แห่งคุณค่า เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกร่วมกัน"