‘ความยั่งยืน’ จุดขายใหม่ พีคซีซั่นเทศกาลช้อปท้ายปี

‘ความยั่งยืน’ จุดขายใหม่ พีคซีซั่นเทศกาลช้อปท้ายปี

ธีม “สีเขียว” และ "ความยั่งยืน" กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น

โดยปกติแล้วช่วงท้ายปี มักเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนมีการจับจ่ายใช้สอยสูงที่สุดในรอบปี...

สำหรับปีนี้ “ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย” รายงานว่า ธีมในเทศกาลวันหยุดนี้ยังคงเป็น “สีเขียว” และความยั่งยืนก็เป็นกุญแจสำคัญที่ส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

โดยทั่วไปเมื่อถึงช่วงพีคซีซั่นจะนึกถึงการใช้จ่ายและการบริโภคที่ฟุ่มเฟือย แต่ปีนี้มีบางอย่างที่แตกต่างออกไป โดยงานวิจัยของ “เซลล์ฟอร์ซ” พบว่า นักช้อป 83% ตั้งใจที่จะหาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในเทศกาลวันหยุดนี้

ผลการสำรวจยังเปิดเผยด้วยว่า นอกเหนือจากวิธีที่บริษัทปฏิบัติต่อลูกค้าและพนักงานแล้ว แนวทางการปฏิบัติต่อสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเช่นกัน

เทรนด์ใหม่นักช้อปออนไลน์

คำถามสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซคือ ความยั่งยืนของผู้บริโภคเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการซื้ออย่างไร? และที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ใดที่ผู้คนจะเลือกซื้อในช่วงพีคซีซั่นนี้?

รายงานเทรนด์การจับจ่ายใช้สอยในช่วงคริสต์มาส 2565 โดย "อีเบย์" พบว่า 56% ของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรวางแผนที่จะซื้อของขวัญที่แสดงความ “ใส่ใจ” สำหรับเพื่อนและครอบครัวในปีนี้ แบรนด์ที่ทำการตลาดโดยแสดงคุณสมบัติความยั่งยืนเพื่อเป็นจุดขาย (Unique Selling Point) จะดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้

ขณะที่ สินค้ามือสองจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งด้านความยั่งยืนและราคา อุตสาหกรรมการขายซ้ำ (resale) กำลังเติบโตกว่าการค้าปลีกแบบดั้งเดิมถึง 11 เท่า

ด้านผลิตภัณฑ์หัตถกรรมก็ได้รับความสนใจเช่นกัน มาร์เก็ตเพลสสำหรับงานฝีมือ Etsy รายงานการคาดการณ์ในช่วงฤดูกาลเฉลิมฉลอง และเคล็ดลับสำคัญสำหรับผู้ขายว่า "ให้พิจารณาเรื่องความยั่งยืน และวิธีที่สามารถดึงดูดผู้ซื้อที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล สร้างสินค้าที่ใช้งานได้หลายครั้ง และนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ใช้ได้นาน"

นโยบาย ต้องชัดเจน

ที่น่าสนใจพบด้วยว่า ผู้บริโภคจะชอบการซื้อทีละมากๆ ไม่ใช่แค่เพื่อประหยัด แต่เนื่องจากพวกเขาตระหนักว่ามันจะช่วยลดจำนวนการส่งและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

นอกจากนี้ เป็นข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะผู้บริโภคจำนวนมากตั้งใจที่จะซื้อสินค้ากับธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่นในช่วงวันหยุดนี้

สำหรับปัจจัยด้านความยั่งยืนที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาซื้อสินค้า 52% ระบุว่า สินค้าที่มีความทนทานและใช้งานได้นาน, 32% ระบุว่า สินค้าที่ผ่านการผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การปฏิบัติด้านแรงงานที่เป็นธรรม

ขณะที่ 31% ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้บรรจุภัณฑ์ไม่มากเกินความจำเป็น หรือสามารถรีไซเคิลได้ หรือที่ย่อยสลายได้ หรือสลายตัวได้ตามธรรมชาติ

ปัจจุบัน ผู้บริโภคต่างตระหนักถึงผลกระทบจากพฤติกรรมการชอปปิงออนไลน์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และคาดหวังว่าผู้ค้าปลีกจะมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย ดังนั้นสำหรับแบรนด์ที่ต้องการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าที่มีอยู่ไว้ นโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนจะช่วยดึงดูดลูกค้าได้มาก ทั้งยังสามารถช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและลดการสูญเสียในห่วงโซ่อุปทานด้วย

ปัจจัย 'ราคา' ยังคงมีความสำคัญ

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส แนะวิธีสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ประกอบด้วย ปักหมุดให้ความยั่งยืนเป็น “หลักสำคัญของธุรกิจ” มากกว่าแค่ทำตาม “ความนิยมชั่วขณะ” โดยบริษัทต้องมีวิสัยทัศน์ระยะยาวแบบองค์รวมเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ และให้คำตอบได้ว่าเพราะเหตุใดถึงสำคัญ

พร้อมกันนี้ ก้าวไปสู่การเป็นธุรกิจที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ ควบคู่ไปกับการศึกษาและค้นคว้าให้ดี เพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและเดินหน้าไปตามนั้น

หากเป็นไปได้ให้เพิ่มแท็บ “ของขวัญยั่งยืน” ในเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้ผู้เข้าชมค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ใช้ความคิดสร้างสรรค์เสนอไอเดียชุดผลิตภัณฑ์ หรือคู่มือของขวัญที่ “เป็นมิตรกับโลก” รวมถึงเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ที่ขาดไม่ได้ ให้ความโปร่งใสกับลูกค้า เพราะ 88% ของผู้บริโภคมักไม่เชื่อถือแบรนด์ที่บอกว่ามีความยั่งยืนในทันที ดังนั้นต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าคำกล่าวอ้างเป็นความจริง 100% เพื่อสร้างความไว้วางใจในผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ปัจจัย "ราคา" ยังคงมีความสำคัญ อย่าลืมเสนอทางเลือกการจัดส่งของที่ยืดหยุ่น และเลือกพันธมิตรด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม