เยอะได้อีก! "Xiaomi" ถือสิทธิบัตรกว่า 29,000 ฉบับ ภายใน 12 ปี
โชว์พลังกันสุดฤทธิ์ สำหรับ "Xiaomi" ที่ล่าสุดนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาฉบับแรก โดยมีสิทธิบัตรมากกว่า 29,000 ฉบับทั่วโลก!
ตลอด 12 ปี ที่บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์อัจฉริยะอย่าง Xiaomi (เสียวหมี่) ได้พัฒนานวัตกรรมและอุปกรณ์ไอทีไปจนถึงสมาร์ทฮาร์ดแวร์ในกลุ่ม Internet og Things (IoT) หลายคนมองว่า เสียวหมี่ คือแบรนด์จีนแบรนด์หนึ่งที่อาจไม่ได้มีพิษสงมากมายนัก แต่ในความเป็นจริงนี่คือมังกรซ่อนเล็บของจริง
ล่าสุด "Xiaomi" เผยแพร่เอกสารนำเสนอข้อมูล หรือ ไวท์เปเปอร์ (White Paper) เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาฉบับแรก (“IP” or Intellectual Property) ที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จด้าน IP ของ "เสียวหมี่" และความสามารถด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดยปัจจุบันเสียวหมี่ได้เข้าถึง 12 สาขาเทคโนโลยีของการวิจัยและพัฒนา ได้แก่ เทคโนโลยีการสื่อสาร 5G, บิ๊กดาต้า, คลาวด์คอมพิวติ้ง และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งมีหัวข้อย่อย 98 หัวข้อ และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 เสียวหมี่มีสิทธิบัตรมากกว่า 29,000 ฉบับทั่วโลกโดยครอบคลุมมากกว่า 60 ประเทศ
หลังจาก 12 ปี ของการพัฒนาและขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์หลัก “Smartphone × AIoT” มร. หวาง เสียง พันธมิตรและประธานบริษัท เสียวหมี่ คอร์ปอเรชั่น บอกว่า เสียวหมี่ได้ขยายตลาดไปมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก ธุรกิจของบริษัทครอบคลุมทั้งสมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี เครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะขนาดใหญ่ อุปกรณ์สวมใส่ และบริการทางอินเทอร์เน็ต ความพยายามในการวิจัยและพัฒนาได้แสดงออกให้เห็นในด้านต่าง ๆ เช่น ระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟน การถ่ายภาพ การชาร์จ ระบบปฏิบัติการสมาร์ททีวี AI เป็นต้น
ยกตัวอย่าง MIUI การคุ้มครองสิทธิบัตรที่เข้มแข็งนั้นเป็นแรงสนับสนุนนวัตกรรมการพัฒนาระบบ MIUI ได้อย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 เสียวหมี่มีสิทธิบัตรมากกว่า 7,700 ฉบับทั่วโลกในด้านระบบปฏิบัติการ MIUI และฟังก์ชั่นซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังมีสิทธิบัตรมากกว่า 700 ฉบับในด้านเทคโนโลยีการชาร์จสมาร์ทโฟน ทั้งยังรวมถึง สถาปัตยกรรมวงจรพื้นฐาน การจัดการความปลอดภัย และการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณ
การคุ้มครองสิทธิบัตรส่งเสริมนวัตกรรมที่มีอยู่ในเทคโนโลยีการถ่ายภาพของสมาร์ทโฟน "เสียวหมี่" ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 เสียวหมี่มีสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 ฉบับสำหรับเทคโนโลยีการถ่ายภาพทั่วโลก นอกเหนือจากการยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนของเสียวหมี่แล้ว บริษัทยังมุ่งมั่นที่จะขยายกลุ่มสิทธิบัตร 5G อีกด้วย ภายในสิ้นเดือนกันยายน 2564 เสียวหมี่อยู่ในลำดับที่ 13 ในกลุ่มสิทธิบัตร 5G ที่ประกาศด้วยตนเอง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 เสียวหมี่เป็นผู้นำและมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรฐานระดับประเทศ อุตสาหกรรม และกลุ่มในมากกว่า 260 รายการ และความสามารถทางเทคนิคก็เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรม
ระบบ IP ของ "Xiaomi" นำไปสู่การพัฒนาสถานการณ์การใช้งานที่หลากหลายในการใช้ชีวิตแบบอัจฉริยะ หลังจากพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาหลายปี กลุ่มบริษัทได้ถือครองสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ AI มากกว่า 1,200 ฉบับทั่วโลก เทคโนโลยีการลดเสียงรบกวนจากการโทรด้วย AI ของเสียวหมี่ถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์มากกว่า 60 รายการ ผลักดันการเติบโตของธุรกิจของบริษัท
เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะสร้างเทคโนโลยีเพื่อการสร้างสิ่งที่ดี (Technology for Good) ด้วยความสามารถทางเทคโนโลยีของกรุ้ป เสียวหมี่ค่อย ๆ พัฒนาคุณสมบัติการเข้าถึงในระบบปฏิบัติการMIUI ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีการสัมผัส การจดจำเสียงรอบข้าง และเทคโนโลยีการอ่านออกเสียงข้อความของเสียวหมี่ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางสายตา การได้ยิน และการพูดตามลำดับ ทำให้ผู้ใช้ที่มีความบกพร่องเพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายของเทคโนโลยีได้มากขึ้น
ในปี 2556 ระบบ IP ของ "เสียวหมี่" อยู่ในช่วงเริ่มต้นโดยมุ่งเน้นที่การปกป้องเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเองและจดสิทธิบัตรฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการ MIUI ในขณะที่มุ่งเน้นไปที่ประเทศจีน กลุ่มบริษัทก็ได้ทำการบุกตลาดต่างประเทศ เช่น ยุโรป เช่นกัน เนื่องจากธุรกิจสมาร์ทโฟนของกลุ่มบริษัทมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงได้รับความสนใจจากผู้จดสิทธิบัตรทั่วโลก
ระหว่างปี 2557 ถึง 2562 เสียวหมี่ได้เร่งพัฒนาในตลาดต่างประเทศ เสียวหมี่ใช้ตลาดอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจุดเริ่มต้น และค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่ตลาดยุโรปและละตินอเมริกา สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของเสียวหมี่ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีคำขอรับสิทธิบัตรมากกว่า 2,000 รายการทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา คำขอสิทธิบัตรทั่วโลกโดยเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 6,000 รายการ
"Xiaomi" ได้สั่งสมความสำเร็จด้านสิทธิบัตรที่สำคัญมากมายด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การได้มา การอนุญาตข้ามสิทธิ์ และการโอนสิทธิบัตร ในปี 2559 เสียวหมี่และ Microsoft ได้ขยายความร่วมมือทั่วโลก เสียวหมี่มีความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นในด้าน IP globalization ตั้งแต่ปี 2563 และสั่งสมความสำเร็จมากมายในด้านทรัพย์สินทางปัญญา ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 เสียวหมี่ได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 29,000 ฉบับทั่วโลก ครอบคลุมมากกว่า 60 ประเทศและภูมิภาค